สำนักงานราชบัณฑิตยสภา

วารสารราชบัณฑิตยสภา ปีที่ ๔๑ ฉบับที่ ๓ ก.ค.-ก.ย. ๒๕๕๙ 11 นอกจากดังกล่าว ใน “ โคลงนิราศสุพรรณ ” เช่น โคลงที่ ๑๑๙ ซึ่งเป็นการแต่งในราวต้นปีขาล พ.ศ. ๒๓๘๕ ก็มีการใช้ค� ำว่า “ ยอด ” หลายครั้ง อย่างน่าสนใจ คือ “ บ้านยอดยอดไม้สะพรั่ง ฝั่งชลา ยอดยื่นชื่นฉ้อผกา กิ่งคว้าง ยอดอื่นหมื่นแสนดา ดาษทอด ยอดแฮ ยอดรักจักหาบ้าง บ่ได้ใจหายฯ ” ส่วนในนิทานพระอภัยมณี เช่น ตอนที่ ๕๔ มังคลาครองเมืองลังกา ที่แต่งในราวปลายปีขาล พ.ศ. ๒๓๘๕ ก็มีการใช้ค� ำว่า “ รู้ ” เป็นนัยของการเทิดพระกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้า เจ้าอยู่หัว ปีที่ ๑๘ ของรัชกาลรวมถึง ๕๖ ครั้ง หรือก่อนนี้ในตอนที่ ๓๖ หน้า ๖๘๔-๖๘๗ ก็ใช้ค� ำว่า “ บ้าง ” ติดต่อกัน ๑๖ ครั้ง และก่อนจบในตอนที่ ๕๕ หน้า ๑๑๑๐-๑๑๑๒ มีค� ำว่า “ หนึ่ง ” บรรทัดต่อบรรทัด รวม ๑๑ ครั้ง นอกจากจะบอกเล่าถึงนิสัยการชอบบันทึกของตน ดังที่มีกล่าวอยู่ใน “ นิราศวัดเจ้าฟ้า ” ซึ่งในผลงานชิ้นนี้ สุนทรภู่ยังแสดงความสามารถ และไม่ลืมที่จะถือโอกาสถอดถ่ายกระบวนค� ำกลอน โดยกล่าวถึงเนื้อหาของยาอายุวัฒนะ ที่เป็นประเด็นส� ำคัญของบทความเรื่องนี้ของผู้เขียน และยังเป็นตัวอย่าง ที่พาดพิงไปได้อีกถึงผู้หญิง ตามเอกลักษณ์ของการแต่งไว้ เช่น กลอนต่อไปนี้ “ เดชะยาน่ารักประจักษ์จริง ขอให้วิ่งตามฉาวทั้งด้าวแดน นากนั้นว่าอายุอยู่ร้อยหมื่น จะได้ชื่นชมสาวสักราวแสน ไม่รู้หมดรสชาติไม่ขาดแคลน ฉันอายแทนที่ครวญถึงนวลนาง ” อีกทั้งการแต่งค� ำกลอนซึ่งยังน� ำไปสู่สุภาษิต ค� ำพังเพย หรือค� ำคม โดยสุนทรภู่ไว้อย่างมากมาย ไม่ว่าจะเขียนจะแต่งอะไร ก็พยายามเปรียบเทียบให้ผู้อ่านรู้ถึงตรรกะและวิธีการมองให้ได้เรื่องเขียนที่ให้ได้ ประโยชน์หลากหลายด้าน จนแม้ตัวสุนทรภู่เองก็ได้กล่าวไว้ เช่น ในท้ายผลงานเรื่อง “ สุภาษิตสอนสตรี ” ที่เชื่อกันว่าแต่งในระหว่างปีระกาถึงปีชวด พ.ศ. ๒๓๘๐-๒๓๘๓ เหมือนรวมส� ำนวน หรือแต่งให้เป็นสุภาษิต ไว้สอนผู้หญิง จากประสบการณ์ของตัวเอง ก็คงจะมีไม่น้อย มองในอีกด้านหนึ่งก็เท่ากับเป็นการท้าทาย “ โคลงโลกนิติ ” บนแผ่นศิลาของสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาเดชาดิศร งานในช่วงของเวลา คาบเกี่ยวเดียวกัน (พ.ศ. ๒๓๗๔-๒๓๙๑) ที่วัดพระเชตุพนฯ ให้คนร่วมสมัยได้รู้ ประหนึ่งของตัวเองไม่ต้อง ทุ่มเทมาก แต่ก็เหนือกว่า ว่า ทศพร วงศ์รัตน์

RkJQdWJsaXNoZXIy NTk0NjM=