สำนักงานราชบัณฑิตยสภา

วารสารราชบัณฑิตยสภา ปีที่ ๔๑ ฉบับที่ ๓ ก.ค.-ก.ย. ๒๕๕๙ 7 หลากหลาย แต่ก็ล้วนเป็นความรู้มาก่อน ซึ่งผู้อ่านที่ต้องการข้อเท็จจริงต้องมีทักษะแตกฉาน จึงนับได้เป็น เอกลักษณ์อีกอย่างหนึ่งในการแต่งเรื่อง เหมือนประดับเรื่องหรือปรุงแต่งนิทาน ด้วยทุกเรื่องที่รู้เห็น หรือได้ รับมา และไม่ต้องการให้ตกหล่นไป แม้แต่ค� ำอิจฉา ติฉิน นินทา ว่าร้าย ที่สุนทรภู่เป็นทุกข์อยู่มาก แต่ก็มี กล่าวอยู่เสมอ เหมือนเพราะสะดุดขึ้นในความคิดระแวง ด้วยปัญหาที่ตัวเองสร้างไว้มากมายโดยเฉพาะ กับผู้หญิง ขณะแต่งเกี่ยวกับเหตุการณ์หนึ่งที่เกิดขึ้นระดับประเทศหรือในชีวิตที่ผ่านมาหรือตอนนั้น เป็นค� ำกลอนที่อาจสั้นหรือยาว แล้วแต่ความนึกคิดขณะนั้น ส่วนใหญ่ที่ขาดไม่ได้คือการพาดพิงถึงเรื่องราว ชีวิตความเป็นอยู่ของตัวเองขณะเป็นพระ แล้วแทรกด้วยเรื่องอะไรก็ได้ทั้งนั้น หรือขณะสึกมาเป็นฆราวาส เพราะนางม่วง ตอนปีวอก พ.ศ. ๒๓๗๙ ขณะแต่ง เช่น ตอนที่ ๔๐ หน้า ๗๗๔ ก็แต่งสะท้อนความในใจไว้ว่า “ ขืนจะใคร่ไปบวชชวดมีลูก นุ่งหนังผูกคากรองทั้งต้องอด ” หรืออาจเป็นเช่นวิถีชีวิตคนไทย ทั้งในรั้วในวัง และชาวบ้านร้านตลาด พิธีกรรมทั้งทางศาสนาและไสยศาสตร์ ความเชื่อในการบวงสรวง เครื่องลาง ของขลัง ท� ำเสน่ห์ มนตรา คาถา อาคม ล่องหน หายตัว แปลงตัว คนทรง ซึ่งโดยส่วนตัวสุนทรภู่จะแต่ง ปฏิเสธออกมาเป็นค� ำกลอนเชิงติหรือเยาะเย้ยทันที จึงผิดกับกวีคนไทยทั่วไปที่ไม่แต่งนอกประเด็น อีกทั้งยัง มีเรื่องของโชคลาง ชะตาราศี โรคาพยาธิ อาถรรพณ์ โดยเฉพาะการสะเดาะเคราะห์ ซึ่งเป็นความเชื่อตาม ธรรมเนียมประเพณี ข้อปฏิบัติ จึงพบเห็นท� ำกันเป็นพิธีกรรมในทุกชั่วเวลา และยังมีเป็นปรกติโดยทั่วไป แม้ในปัจจุบัน ซึ่งสุนทรภู่ได้น� ำมาเป็นประเด็นแต่งครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ด้วยภาษาที่หากมีส� ำเนียงออกเสียงดัง โดยผู้อ่าน จะท� ำให้ผู้ฟังได้ข้อคิดเป็นอย่างมาก และให้ความรู้สึกลึกซึ้งมากกว่าการอ่านในใจ นอกจากนี้ ยังเป็นการท� ำบุญ ท� ำทาน การละเล่น มหรสพ การแต่งตัว การขับกล่อม เพลงยาว บทชมต่าง ๆ ชมปลา ชมน�้ ำ ชมนก ชมสัตว์จตุบท ชมป่า ชมสวน ชมดอกไม้ ชมผลไม้ ชมฝนฟ้า ชมแสงสี ชมดาว ชมเมือง ชมวัง ชมวัด ชมผู้คน ชมงานรื่นเริง ชมเครื่องแต่งตัว ชมอาหาร ชมเพชรนิล ชมเรือ บทท� ำ ศึก บทไฟไหม้ ฯลฯ ส่วนที่น่าตื่นเต้นก็เป็นบทชมนาง เกี้ยวพาราสี ที่เร้าความรู้สึกได้มากคือบทอัศจรรย์ ซึ่ง มีค� ำบรรยายยาวอาจหลายหน้ากระดาษ และบ่อยครั้งกว่าทุกเรื่อง ดึงดูดความสนใจผู้อ่าน เช่นที่กล่าวไว้ ตามประวัติของตัวเองกับนางงิ้ว หญิงชาวเพชรบุรีที่มีสามีแล้ว ในร่างของนางร� ำภาสะหรีกับศรีสุวรรณ ซ้อน กับนางละเวงวัณฬากับพระอภัยมณี ที่เพชรบุรี เช่น ในตอนที่ ๓๗ หน้า ๖๙๙ ว่า “ คิดถึงปล�้ ำร� ำภาที่ป่าตาล ยิ่งซาบซ่านเสียวทรวงจนง่วงงง ” หลายครั้งยังเป็นการแต่งฝากตัวละครไปถึงใครบางคนที่จะต้องได้อ่าน เช่น สมเด็จเจ้าฟ้ากุลฑลทิพยวดี กรมหมื่นอัปสรสุดาเทพ เจ้าครอกข้างในทองอยู่ จนยังส่อให้รู้ได้ถึงประวัติเป็น พฤติกรรมทางเพศของสุนทรภู่เอง ซึ่งมีจิตใจผูกพันหมกมุ่นอยู่กับผู้หญิงได้อย่างหลากหลาย และทุกชั้น วรรณะในทุกโอกาส พร้อม ๆ กับอารมณ์การแต่งกลอนที่มักเป็นเวลาค�่ ำถึงกลางคืน ที่ให้บรรยากาศความ คิดแต่งค� ำกลอน แล้วถอดถ่ายออกมาได้อย่างเห็นจริงเห็นจังด้วยตัวหนังสือที่ได้ความรู้สึก เรื่องเหล่านี้หลาย เรื่อง ผู้เขียนได้แยกค้นคว้า เป็นบทความที่ต่างออกไปอีก เพื่อผู้อ่านจะได้รู้จักสุนทรภู่และคนไทยสมัยนั้น ทศพร วงศ์รัตน์

RkJQdWJsaXNoZXIy NTk0NjM=