สำนักงานราชบัณฑิตยสภา
The Journal of the Royal Society of Thailand Vol. 41 No. 3 July-September 2016 96 ๑. ระยะปลูก เกษตรกรรายนี้ปลูกมะม่วงระบบชิด (high density) ประมาณ ๕×๕ เมตร (รูปที่ ๘) มีการตัดแต่งมาก (hard pruning) (รูปที่ ๙) และใช้สารเคมีบังคับให้ต้นมะม่วงออกดอกนอกฤดู เนื่องจากมะม่วงเป็นไม้ผลยืนต้นขนาดใหญ่ มีความสูงประมาณ ๑๐-๑๕ เมตร การปลูกมะม่วงทั่วไปจึงปลูก ระยะห่างเช่นเกษตรกรในประเทศไทย คือ ประมาณ ๗×๑๐ หรือ ๑๐×๑๐ เมตร และเกษตรกร มักไม่ค่อยมีการตัดแต่ง อาจมีการตัดกิ่งแห้งออกบ้างหลังการเก็บเกี่ยวผลผลิต โดยทั่วไปพันธุ์ไม้ผลที่จะใช้ในการปลูกระบบชิดมาจากแหล่งต่าง ๆ ๓ แหล่ง คือ ๑) พันธุ์ แคระหรือทรงเตี้ย (dwarf) ซึ่งผลจากพันธุกรรมท� ำให้กลายพันธุ์และพืชชนิดนั้นได้พันธุ์ใหม่ที่มีลักษณะของ ความสูงไม่มากและทรงพุ่มไม่ใหญ่ ๒) ต้นตอพันธุ์แคระ พืชบางชนิดมีพันธุ์ที่ลักษณะแคระแต่อาจมีลักษณะ อย่างอื่นที่ไม่เหมาะสมที่จะปลูกเป็นการค้า แต่ถ้าน� ำพันธุ์พืชนี้มาเป็นท่อนพันธุ์ส� ำหรับการขยายพันธุ์โดยใช้ พืชพันธุ์ดีเสียบยอด ทาบกิ่ง หรือติดตาบนต้นตอพันธุ์แคระ ยอดใหม่พันธุ์ดีที่เติบโตบนต้นตอพันธุ์แคระ จะมีลักษณะที่สูงไม่มากและทรงพุ่มไม่ใหญ่ การปลูกแอปเปิลระบบชิดในสหรัฐอเมริกาและหลายประเทศ ในยุโรปมีการใช้ต้นตอแอปเปิลแคระ และ ๓) การใช้สารเคมีชะลอการเติบโต (growth retardant) สารเคมี บางชนิดสามารถชะลอการเติบโตของพืช ท� ำให้พืชโตช้า มีลักษณะต้นที่สูงไม่มากและทรงพุ่มไม่ใหญ่ สารที่ใช้ เช่น Alar, B-Nine, ancymidol สารเคมีเหล่านี้มีฤทธิ์ไม่คงทนและต้องมีการพ่นสารเคมีเป็นระยะ ๆ ตามค� ำแนะน� ำการใช้สารเคมีนั้น ๆ การปลูกไม้ผลระบบชิดมีข้อดีและข้อเสียที่ต้องพิจารณาก่อนที่จะต้องตัดสินใจปลูกดังต่อไปนี้ ข้อดีของการปลูกระบบชิด ๑. ใช้พื้นที่และทรัพยากรได้อย่างมีประสิทธิภาพ ๒. ให้ผลิตผลเร็วนับตั้งแต่วันที่ปลูก ๓. ใช้แรงงานในการเก็บเกี่ยวและตัดแต่งได้อย่างมีประสิทธิภาพ ๔. ผลิตผลมีคุณภาพสูง ข้อเสียของการปลูกระบบชิด ๑. ต้นทุนการจัดการสูง ๒. แรงงานต้องมีการฝึกในเรื่องการตัดแต่งให้ดี ๓. ต้นไม้ผลมีอายุไม่ยืนนาน การปลูกมะม่วงที่เกาะไหหล� ำ ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน
Made with FlippingBook
RkJQdWJsaXNoZXIy NTk0NjM=