2703_8243

5 ปีที่ ๒๑ ฉบับที่ ๒๔๗ เดือนธันวาคม ๒๕๕๔ จากฟาร์มสู่ตลาด ผู้ปรุงแต่งมุ่งตรงสู่การจัดเตรียมให้ถูกใจ ถูกรสของผู้ บริโภค การปรุงแต่งอาหารจะจัดตามความชอบ ท่ามกลางความพร้อมของ เทคโนโลยีโดยมีสังคมและวัฒนธรรมประเพณีกำหนดไว้ ดังนั้น “การกิน อาหาร” จึงมุ่งสู่สังคมและความถูกใจเป็นหลัก คุณประโยชน์เป็นเพียงองค์ ประกอบเท่านั้น ๓. ร่างกาย คือ ฐานรองรับสายใยชีวิต อาหาร เป็น ธาตุ ๔ คือ ดิน น้ำ ลม ไฟ เพื่อสร้าง ฐานกาย อากาศ เป็น ธาตุที่ ๕ อันมีออกซิเจนต่อชีวิตทุกลมหายใจเพื่อสร้างสายใยชีวิต ๑.๑ มีคนจำนวนมาก ไม่รู้จริง ว่า กินอาหาร เพื่ออะไร ๑.๒ มีคนจำนวนน้อย ที่รู้จักกินอาหารให้เหมาะสมกับสุขภาพตน ๑.๓ มีคนจำนวนจำกัด ที่รู้จักเลือกอาหารเพื่อยังชีพหลังจากป่วย ๑.๔ มีคนจำนวนน้อยนิด ที่รู้จักเลือกอาหารให้เหมาะสมกับระบบ ย่อยและดูดซึมเพื่อเสริมสร้างมากกว่าทำลาย ในกายของคนเรารู้จักว่าคนที่ จะต้องมีความแตกต่างกับสัตว์สายพันธุ์ต่าง ๆ ในการย่อยดูดซึมอาหาร เรา มักจะกินอาหารตามสิ่งที่บอกต่อ ๆ กัน มากกว่าการพิสูจน์ให้รู้จริงในสาย พันธ์ของตนเอง คนทั้ง ๔ กลุ่มดังกล่าวสมควรจะมาเรียนรู้ความจริงของกายของสายใย ชีวิต อันมี กาย และ จิต สิ่งพึ่งรู้ในตนก็คือ ใครเป็นนายและใครเป็นบ่าว ๑. จิต การรู้จักตน โดยการฝึกจิต เป็นสิ่งที่มนุษย์พึงปฏิบัติได้ เหตุ เพราะมนุษย์เป็นสัตว์ประเสริฐ ปัจจัยเพราะ เป็นมนุษย์ที่ได้ฟังและเห็นสัจ จธัมม์ในอริยสัจ ๔ แห่งพระพุทธองค์ ภาษิตไทยที่ว่า จิตเป็นนาย กายเป็นบ่าว สมควรที่จะมารู้จริง ให้เหนือ ฐานความรู้ ให้เหนือรสนิยม ให้เหนือวัฒนธรรม ประเพณี เพื่อเสริมสร้าง ความมั่นคงของชีวิต โดยมีอาหารเป็นปัจจัย แห่งความมั่งคั่งในสายใยชีวิต กินอย่างไร จึงจะมีกายที่ปราศจากโรค เป็นกระบวนการเรียนรู้ด้วย ตนเองในการแสวงหาอาหารที่ถูกกับตนเอง การจัดอาหารเข้าร่างกายเพื่อจะ มีกายที่ปราศจากโรค ต้องปฏิบัติและปฏิบัติการกินอาหารดิบแทนอาหารสุก (ที่ปรุงแต่งแบบ เดิม) หรือกึ่งสุก กึ่งดิบ ในอุณหภูมิไม่เกิน ๑๐๐ องศาเซลเซียล ในการรักษา โมเลกุลตามธรรมชาติของธาตุ ๔ ในซากพืช ซากสัตว์ - ต้องกินไขมันและโปรตีน เพื่อเสริมสร้างเซลล์ ด้วย β -oxidation ต้องงดกินอาหารแป้ง และน้ำตาล เพื่อหยุดยั้งการสันดาปกลูโคส ด้วย glycolysis - ให้ตระหนักว่าการใช้สมองต้องการ ATP จาก β -oxidation มาก กว่า ATP จาก glycolysis - ให้ตระหนักว่าฟรุตโตสในผลไม้ ตนเองสามารถใช้ได้หรือใช้ได้แค่ไหน ในการสร้าง ATP - ให้ตระหนักว่า ผักและผลไม้ มีเส้นใยที่เป็น cellulose เป็น polysaccharide ที่ย่อยยากในกระเพาะคนเหลือตกค้างอยู่ในกายเป็นปัญหา ที่คนเราไม่รู้ว่าเป็นพิษ - ให้ตระหนักว่าการลดน้ำหนักด้วยไขมัน และโปรตีนในสูตรการกินที่ ทำให้เซลล์ไขมันย่อยสลายและสร้าง Leptin ส่งสัญญาณไปยัง hypothalamus ให้ลดวามหิวนั้น จะเป็นการลดน้ำหนักจากไขมันส่วนเกินในกายได้อย่างดี และมีจิตสงบ ทำให้ฝึกจิตในฐานปัจจัย ๒๔ ให้รู้จริงรู้ประจักษ์ และรู้แจ้งได้ดี กว่าอาหารจากแป้งและน้ำตาลที่ปรุงแต่งจากคลื่นสมองที่เต้นขึ้นเต้นลง ตลอดเวลา ที่มีการย่อยสลายและดูดซึมเพื่อเสริมสร้างร่างกาย อย่างช้ากว่า ไขมันและโปรตีนถึง ๓ เท่าเวลา ให้รู้จริงว่า กายเป็น ธาตุ ๔ อาการ ๓๒ มีธาตุดิน ๑ มีธาตุน้ำ ๒ มี ลมเป็นธาตุที่ ๓ และมีไฟเป็นธาตุที่ ๔ แต่สุดยอดของชีวิตคือ สายใยชีวิต มี อากาศ เป็นธาตุที่ ๕ คือ ออกซิเจนที่ต่อลมหายใจตลอดเวลา ธาตุทั้ง ๕ มี อาการหมุนเวียนเปลี่ยนแปลง และแปรปรวนเป็นความไม่เที่ยงออกอาการ ได้ถึง ๓๒ อย่าง ให้รู้จริงว่า จิตเป็นนาย จิตมีอาหารหล่อเลี้ยงหรือไม่ ต่างจากอาหาร หล่อเลี้ยงกายอย่างไร นาย ต้องรู้จริงในการสั่งการใช้ บ่าว ส่วน บ่าวต้อง ปฏิบัติเที่ยงตรงตามจริงของนาย การจัดสมดุลจิต คือ พุทธวิถี ของการฝึก นายคือ จิต โดยเฉพาะจิตที่ฝึกเนือง ๆ จึงจะสามารถ สั่ง บ่าว ให้จัดการ การเปลี่ยนแปลง แปรปรวน จัดการอย่างไร ก็คือ สามารถจัดการให้เข้า จังหวะตามวาระของธาตุ ๔ และอากาศ โดยผลปรากฏที่อาการ ๓๒ ของ การแปรปรวนอย่างพอ และอย่างดี จิตผู้เป็นาย ย่อมสามารถจะจัดหาบ่าว ชื่อ “สันโดษ” มารับใช้ได้ทันท่วงที ทันทีรวดเร็ว ตามลมหายใจทันนั่นเอง พุทธวิถีได้บัญญัติปฏิบัติบูชา ปรากฏมาแล้ว ๒๖๐๐ ปี (ณ พ.ศ. ๒๕๕๔) ที่ พระพุทธองค์ได้ประกาศแล้วแก่มนุษยชาติ ทุกลมหายใจเข้า ออก มีสติ สัมปชัญญะ ดูอริยบทกำหนดกายได้ ความ เป็นธาตุดิน ธาตุน้ำ ธาตุลม ธาตุไฟ ธาตุอากาศ จะปรากฏท่ามกลางจิตที่ สมดุล นายรู้สั่ง “สันโดษ” คือ บ่าว ให้จัดความพอดี ของอริยบท เป็นผลให้ จิตจะสว่างเห็นปัจจัย ๒๔ เป็นฐานรวมในการรู้ความจริงตามลำดับขั้น การ ฝึกซึ่งปรากฏ เกิด ดับ สลับกันไม่หยุดตลอดไป การฝึกจิตตามขั้นบันไดของ ปัจจัย 24 ย่อมอยู่ในขณะภาวะที่สอดคล้องเข้าจังหวะกับการสันดาป อาหาร แล้วจะรู้ว่า วิชา คือ รู้จริง เป็นเช่นนั้นเอง รู้จริงตามจังหวะ วาระของการสันดาปอาหาร สิ่งใดควรกำหนด ก็กำหนด สิ่งใดควรละ ก็ละ สิ่งใดควรวาง ก็วาง สิ่งใดควรเลิก ก็เลิก เมื่อใดจะมีสิ่งใหม่ให้รู้ ก็รู้ เมื่อรู้ล่วงหน้า ก็จะต้องสำรวมอินทรีย์ให้ตั้งรับในวาระที่สมควร สันโดษ จะบอกว่ารู้จักพอ ผนวกกับดีแล้วเลิกไปเรื่อย ๆ เป็นเช่นนั้นเอง การ ดำรงสังขารด้วยอินทรีย์สังวร การจัดสมดุลจิตจะมีแสงสว่างนำปัญญาอัน ปัญญาเป็นความรู้จริงอย่างรู้รอบ ส่วนการตรงสู่ความจริงที่เที่ยงเฉพาะ วาระเป็นญาณที่จิตสมดุลฝึกต่อเนื่องกันจะรู้จริงรู้แจ้งตรงจังหวะด้วย ฐานปัญญาญาณ ญาณสามารถกำกับกายและการสันดาปอาหารให้อยู่ใน สภาวะปกติสุขได้ดีอย่างน่าอัศจรรย์ การเป็นเช่นนี้ จะเป็นไปทุกลมหายใจจนกว่าวาระสุดท้าย คือ เลิก หายใจ นั่นคือ การล้มเลิกระบบกายและอาการ ๓๒ ส่วนจิตจะละก่อนกาย ได้หรือไม่อยู่ที่ปฏิบัติบูชา สัจจธัมม์ที่พระพุทธองค์ ทรงประจักษ์และแสดงต่อ มนุษยชาติมาแล้ว นานถึง ๒๖๐๐ ปี คือ “ปฏิบัติบูชา” นั้นเป็นอย่างไร จิตที่ เป็นพุทธจิตคือ ผู้รู้ ผู้ตื่น และ ผู้เบิกบาน แจงธัมม์ได้เป็น ๒ คำ คือ ปฏิบัติ หนึ่ง และ บูชาอีกหนึ่ง ปฏิบัติ เจ้าของชีวิต ปฏิบัติภายในกาย และสามารถฝึกจิตให้รู้จริง เพื่อ เลือกสันโดษให้ทำงานตามจังหวะ บูชา เจ้าของชีวิตจะบูชาสัจจธัมม์ที่พระพุทธเจ้าได้ประกาศความจริง ของชีวิต คือ อริยสัจ ๔ กุญแจไขจิตที่น้อมรับปฏิบัติบูชา จะได้แจงเป็น KPIS ตามคตินิยมในยุคนี้ Key Performance Indicator Self = KPIS กุญแจ KPIS มี ๓ ขั้นตอน ดังนี้ KPIS ๑ ได้ฟัง ได้ไตรสิกขาในธัมม์ที่เที่ยงแท้จากการตรัสรู้ของ พระพุทธเจ้า พุทธพจน์ได้สืบทอดความเที่ยงด้วย “เสียง” เพราะภาษาธัมม์ เป็นภาษาปาฬิที่มีแต่เสียง ไม่มีอักษร ดังนั้นบันทึกพระไตรปิฎกในรูป อักษรต่าง ๆ ตามภาษาบัญญัติของมนุษย์ในแต่ละชาติพันธุ์ ความเที่ยงแท้ใน พุทธพจน์จึงขึ้นกับการบันทึกที่สามารถออกเสียงได้ตรงและเที่ยงในภาษา ธัมม์คือ ภาษาปาฬิ เมื่อการฟังธัมม์เป็นเสียงเที่ยง ย่อมนำพาสภาวะจิตให้ เข้าไตรสิกขา เป็นทางให้ตนสามารถเข้าถึงพุทธพจน์โดยตรงไม่ข้องแวะอยู่

RkJQdWJsaXNoZXIy NTk0NjM=