2691_4317
4 จดหมายข่าวราชบัณฑิตยสถาน สามารถบริหารจัดการได้โดยเกิดความสำเร็จ มีการพัฒนาไปอย่างสมดุลด้วยความ มั่นคงยั่งยืนพร้อมต่อการเปลี่ยนแปลงก้าวทัน สามารถจัดการ และสนองตอบต่อ โลกยุคโลกาภิวัตน์ได้อย่างมีสัมฤทธิ์ผล ส่วนการน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาปรับใช้ในการบริหาร ทรัพยากรบุคคลของหน่วยงานภาครัฐ ได้แบ่งเป็นเรื่องที่สำคัญ ๕ เรื่อง ได้แก่ (๑) การวางแผนทรัพยากรบุคคลในหน่วยงานภาครัฐ (๒) การสรรหาบุคคลในหน่วยงาน ภาครัฐ (๓) การคัดเลือกบุคคลของหน่วยงานภาครัฐ (๔) การอบรมและการพัฒนา ของหน่วยงานภาครัฐ และ (๕) การรักษาและการใช้ประโยชน์จากบุคลากรของ หน่วยงานภาครัฐ ซึ่งแนวทางการนำปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาปรับใช้ของ หน่วยงานภาครัฐอาจจะเป็นแนวทางที่ไม่มีสูตรสำเร็จตายตัว ขึ้นอยู่กับสภาวะของ หน่วยงานที่แตกต่างกัน แต่ทั้งหมดนี้สามารถดำเนินการได้ภายใต้หลักทางสายกลาง และเงื่อนไขความรู้ควบคู่ไปกับเงื่อนไขคุณธรรม เพราะนอกจากปรัชญาของ เศรษฐกิจพอเพียงจะเป็นแนวทางการดำรงอยู่และปฏิบัติของประชาชนและหน่วย งานสังคมตั้งแต่ระดับครอบครัว ระดับชุมชน จนถึงระดับชาติแล้ว ยังเป็นแนวทางที่ สามารถใช้ในการบริหารราชการแผ่นดิน และบริหารทรัพยากรบุคคลของภาครัฐ ให้ ดำเนินไปในทางสายกลางตามหลักคำสอนของพระพุทธเจ้า ภายใต้เงื่อนไขความรู้ ซึ่งประกอบด้วย ความรอบรู้ รอบคอบ ระมัดระวัง ภายใต้เงื่อนไขคุณธรรม ซึ่ง ประกอบด้วย ความซื่อสัตย์สุจริต ความอุตสาหะ มีสติ มีปัญญา แบ่งปัน และเป็น แนวทางการพัฒนาที่เน้นความพอประมาณ ความมีเหตุผล การมีภูมิคุ้มกันในตัวที่ดี เพี่อให้เกิดการพัฒนาที่สมดุล มั่นคง ยั่งยืน พร้อมต่อการเปลี่ยนแปลงและก้าวทัน โลก ตลอดจนสามารถสนองตอบและจัดการได้กับโลกยุคโลกาภิวัตน์ ในภาพรวม หน่วยงานภาครัฐจึงควรยึดเป็นภารกิจสำคัญในการน้อมนำหลักปรัชญาของ เศรษฐกิจพอเพียงซึ่งเป็นพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มาปรับใช้ กับการบริหารจัดการ และการบริหารทรัพยากรบุคคลของหน่วยงานภาครัฐ โดย กำหนดแผนใหม่และมีวิธีการที่เป็นรูปธรรม มีช่วงระยะเวลาในการดำเนินการให้ ชัดเจน และให้มีการดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ตลอดจนมีการติดตามผลและรายงาน ความก้าวหน้าเป็นระยะต่อคณะรัฐมนตรี ซึ่งจะเป็นส่วนหนึ่งจะทำให้การบริหาร จัดการประเทศในภาพรวมเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ โปร่งใส สุจริต และยึดหลัก คุณธรรม เป็นประโยชน์ต่อประชาชน สังคม และประเทศโดยรวม รองศาสตราจารย์อรุณรัตน์ วิเชียรเขียว ภาคีสมาชิก ประเภทวิชาปรัชญา สาขาวิชาอภิปรัชญาและญาณวิทยา บรรยายเรื่อง หอคำ-เวียงแก้ว ความโดย สรุปว่า เมืองเชียงใหม่มีอายุครบ ๗๑๔ ปี (๑๒ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๓) ตั้งแต่พญา มังรายทรงสร้างเมืองเมื่อ พ.ศ. ๑๘๓๙ ตลอดระยะเวลาอันยาวนานสภาพบ้านเมืองโดย เฉพาะอย่างยิ่งภายในเขตกำแพงเมืองสี่เหลี่ยมจัตุรัสซึ่งเชื่อว่าพญามังรายทรงสร้าง นั้นได้เปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา เช่น วัดนับจำนวนนับร้อยวัดกลายเป็นวัดร้าง ๆ หลายวัดทางราชการได้ใช้ที่ดินของวัดเหล่านี้สร้างเป็นสถานที่ราชการ นอกจากวัด ร้างแล้วภายในเมืองยังมีโบราณสถานที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ที่เลือนหาย ไปจากความทรงจำของชาวเมืองเชียงใหม่คือ “หอคำ”, “คุ้ม”, “เวียงแก้ว” และ “ข่วงหลวง” ซึ่งเป็นอาคารสัญลักษณ์ของสถาบันการเมืองในอดีต คำว่า “หอคำ” หมายถึง ตำหนักที่ประทับของเจ้าแผ่นดินและเจ้าฟ้าแห่งเมือง ในลุ่มแม่น้ำโขงและสาละวิน และเป็นคำที่ใช้ร่วมกันของคนหลายกลุ่มชาติพันธุ์ หอคำของเจ้าแผ่นดินเมืองเชียงใหม่ตั้งอยู่ในพระราชวังหลวง ล้านนาเรียกว่า “เวียง แก้ว” ลักษณะทางสถาปัตยกรรมของหอคำในสมัยโบราณไม่ปรากฏหลักฐานแน่ชัด ว่ามีลักษณะเช่นใด ภาพหอคำที่ถ่ายไว้เมื่อประมาณร้อยปีเศษตั้งอยู่ในพระราชวัง หลวงหรือเวียงแก้ว อาคารหอคำเป็นอาคารชั้นเดียวรูปทรงคล้ายกับวิหารล้านนา โบราณแต่ไม่มีมุขด้านหน้า “เวียงแก้ว” หมายถึง พระราชวังของเจ้าเมืองเทียบได้กับพระบรมมหาราชวัง ในกรุงเทพมหานคร เวียงแก้วของเมืองเชียงใหม่ที่หลงเหลือหลักฐานปัจจุบันคือที่ตั้ง เรือนจำกลางหญิงเชียงใหม่ซึ่งมีกำแพงล้อมรอบเวียงแก้วสี่ด้านเป็นกำแพงเก่าของ เวียงแก้ว ตำนานกล่าวว่าภายในเวียงแก้วประกอบด้วยอาคารหลายหลัง เช่น หอคำ ห้องประชุมหรือท้องพระโรง, ฉางหลวง, โรงช้าง, โรงม้า ฯลฯ หอคำก็เช่นเดียวกับ “เรือนสุด” เพราะเจ้าของหอคำผู้เป็นใหญ่ที่สุดในหอคำ และบ้านเมือง ถ้าเจ้าของหอคำสิ้นชีวิต หอคำหลังนั้นก็สิ้นสุดอายุลงด้วย ไม่ควรที่ เจ้าเมืองคนใหม่จะอาศัยอยู่ต่อไป จึงมีการรื้อหอคำลง แล้วนำไม้จากหอคำซึ่งส่วน ใหญ่เป็นไม้สักชั้นดีนำไปสร้างเป็นถาวรวัตถุในวัดและอุทิศบุญกุศลถวายแด่ “ขุน หอคำ” ส่วนใหญ่สร้างเป็นวิหาร มณฑป และกุฏิของพระสงฆ์ ฯลฯ ด้วยจารีตและ ความเชื่อดังกล่าวเจ้านายฝ่ายเหนือจึงไม่สามารถรักษาหอคำและคุ้มหลวงที่มีคุณค่า ไว้ได้ หอคำเมืองเชียงใหม่, หอคำเมืองลำพูนและหอคำเมืองลำปางในสมัยเจ้าผู้ ครองนครได้ถูกรื้อถอนลงหมดแล้ว สวนเวียงแก้ว เวียงที่ประทับของเจ้าเมืองเชียงใหม่นั้นไม่ได้หายไปไหน เมื่อ กาลเวลาผ่านไปความเปลี่ยนแปลงย่อมเกิดขึ้น ภายหลังจากสิ้นราชวงศ์มังรายแล้ว (ระหว่าง พ.ศ. ๒๑๐๑-๒๓๑๗) พระเจ้าบุเรงนองกษัตริย์พม่าได้ยึดเมืองเชียงใหม่ เป็นเมืองขึ้น ไม่ปรากฏหลักฐานในสมัยพม่าปกครองมากนักโดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ เกี่ยวกับพระราชวังและหอคำ ต่อมาพระเจ้ากาวิละได้ขอพึ่งบรมโพธิสมภารสมเด็จ พระเจ้าตากสินมหาราชมาช่วยทำสงครามขับไล่อำนาจของพม่าออกไปจากเชียงใหม่ นั้น เมืองเชียงใหม่ถูกทิ้งร้างนานกว่า ๒๐ ปี ระหว่าง พ.ศ. ๒๓๑๘-๒๓๓๘ ในช่วง เวลานั้น “เวียงแก้ว” คงจะร้างไปด้วยใน พ.ศ. ๒๓๓๘ พระเจ้ากาวิละกลับมาฟื้นฟู เมืองเชียงใหม่อีกครั้งหนึ่ง เวียงแก้วคงจะได้รับการฟื้นฟูใหม่เป็นการสืบสานจารีต ประเพณีของกษัตริย์ราชวงศ์มังรายและเพื่อให้พระเจ้ากาวิละได้รับการยอมรับและมี “ความชอบธรรม” ในการปกครอง บ้านเมืองด้วย เมื่อสิ้นสมัยพระเจ้ากาวิละแล้ว สันนิษฐานว่าเวียงแก้วยังคงเป็นที่ประทับของเจ้าผู้ครองนครสืบต่อมาแต่อีกนาน เท่าใดไม่ปรากฏหลักฐานแน่ชัด ในสมัยของพระเจ้ากาวิโรรสสุริยวงศ์ได้สร้างคุ้ม หลวงแห่งใหม่ทิศตะวันออกของเวียงแก้ว คุ้มหลวงแห่งนี้ปัจจุบันใช้เป็นหอศิลป วัฒนธรรมเมืองเชียงใหม่ ซึ่งพระราชชายาเจ้าดารารัศมีได้ประสูติที่คุ้มหลวงแห่งนี้ ด้วย เมื่อเมืองเชียงใหม่พัฒนามีการค้าทางเรือและมีทางรถไฟติดต่อกับภายนอก มากขึ้น ความเจริญทางด้านเศรษฐกิจการค้าของเมืองขยายไปด้านตะวันออกติดกับ แม่น้ำปิง เจ้าผู้ครองนครและเจ้านายนิยมสร้างคุ้มแบบกรงเทพฯ บนฝั่งแม่น้ำปิง เช่น คุ้มของพระราชชายาเจ้าดารารัศมี คุ้มเจ้าแก้วนวรัฐ สันนิษฐานว่าส่วนหนึ่งเจ้า นายเชียงใหม่ที่เคยไปกรุงเทพฯ อาจจะได้รับอิทธิพลด้านความคิดจากพระตำหนักใน พระบรมมหาราชวังในกรุงเทพมหานคร ที่สร้างติดกับแม่น้ำเจ้าพระยาก็อาจเป็นได้ หอคำ คุ้ม และเวียงแก้วจึงลดความสำคัญลง ต่อมาราชการใช้บริเวณเวียงแก้ว ทั้งหมดเป็นที่ทำการเรือนจำกลางจังหวัดเชียงใหม่ ชาวเชียงใหม่รุ่นหลังจึงไม่อาจจะ เข้าไปเยี่ยมชมเวียงแก้วได้ ส่วนวัดสุทธาวาสซึ่งติดกับเวียงแก้วคล้ายกับวัดพระ ศรีรัตนศาสดารามในพระบรมมหาราชวัง ปัจจุบันเป็นวิทยาลัยเทคนิคเชียงใหม่ สำนักวิทยาศาสตร์ • วันพุธที่ ๖ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๓ ศาสตราจารย์ ดร.ศิริจันทร์ ทองประเสริฐ ภาคีสมาชิก ประเภทวิชา วิทยาศาสตร์ประยุกต์ สขาวิชาวิศวกรรมศาสตร์ บรรยายเรื่อง สู่ความเขียวสำหรับ อุตสาหกรรม ความโดยสรุปว่า ปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมและระบบนิเวศน์ ส่วนหนึ่ง เป็นผลจากการผลิตในอุตสาหกรรม การลดการบริโภค พลังงาน น้ำจืด วัสดุจาก ธรรมชาติ และการลดการปล่อยออกของเสีย จะช่วยลดปัญหา และช่วยให้ อุตสาหกรรมมีความเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น กรณีศึกษาของการใช้ชีวมวลเป็นเชื้อเพลิงในการเผาเม็ดปูน เพื่อลดการใช้ ถ่านหิน โดยอาศัย Linear Programming ทำให้สามารถคำนวณหาสัดส่วนของวัตถุดิบ และเชื้อเพลิงในการเผาเม็ดปูน ที่ทำให้ต้นทุนการผลิตลดลงรวมทั้งช่วยลดการปล่อย ออกก๊าซเรือนกระจก มีผลให้เพิ่มประสิทธิภาพเชิงนิเวศน์เศรษฐกิจ (Eco-efficiency) ศาสตราจารย์ ดร.สิริวัฒน์ วงษ์ศิริ ภาคีสมาชิก ประเภทวิชาวิทยาศาสตร์ชีวภาพ สาขาวิชาชีววิทยา บรรยายเรื่อง แมลงกินได้ ความโดยสรุปว่า องค์การอาหารและ เกษตรแห่งสหประชาชาติหรือเอฟเอโอกำลังวางแผนส่งเสริมแมลงให้เป็นอาหารทั่วโลก จริง ๆ แล้วแมลงกินได้เป็นอาหารยอดนิยมของคนไทย เช่น หนอนผึ้ง, ดักแด้ไหม, หนอน รถด่วน, ตั๊กแตน, แมลงปีกแข็ง จิ้งหรีด และแมลงอีกหลายชนิดล้วนอุดมไปด้วยคุณค่า ทางโภชนาการ เช่น ตั๊กแตนขนาดเล็กหนึ่งหน่วยบริโภคมีปริมาณโปรตีนพอ ๆ กับเนื้อบด อีกทั้งการทำฟาร์มเลี้ยงแมลงก็มีต้นทุนถูกกว่า และใช้พื้นที่น้อยกกว่า มีแมลงอย่างน้อย ๑,๐๐๐ ชนิดที่มนุษย์รู้จักนำมาประกอบอาหาร เช่น น้ำพริกแมงดานาของไทย มดรส เปรี้ยวเหมือนมะนาวหรือไข่มดแดง (ตัวหนอน) และแมลงมัน (มดตัวเต็มวัย) เป็นอาหารที่ มีความอร่อย ราคาแพงและเป็นที่ยอมรับกันทั่วไป จากบทความของ ดร.เชน และคณะ ที่ พิมพ์ในวารสาร American Entomologist พบว่าในประเทศไทยมีแมลงกว่า ๑๐๐ ชนิดที่ สามารถกินได้ ขณะที่ประชากรโลกพุ่งเข้าใกล้ ๗,๐๐๐ ล้านคน เอเอฟโอจึงมองว่าการทำฟาร์ม แมลงเป็นทางเลือกหนึ่งในการเพิ่มความมั่นคงทางด้านอาหาร ดร.จีน เดโฟลิอาร์ต
Made with FlippingBook
RkJQdWJsaXNoZXIy NTk0NjM=