1504_3716
2 จดหมายข่าวราชบัณฑิตยสถาน กฎหมายจิมโครว์กีดกันและแบ่งแยกผิวหลายรูปแบบ ที่ สำคัญได้แก่ กฎหมายกีดกันการใช้สิทธิออกเสียงเลือกตั้งของ ชนผิวดำ และการแบ่งแยกผิวในสถานที่สาธารณะและการให้ บริการทุกรูปแบบ ในช่วงการบูรณะฟื้นฟูภาคใต้ ชนผิวดำลง ทะเบียนใช้สิทธิอออกเสียงเลือกตั้งจำนวนมาก ส่งผลให้ พรรคริพับลิกันซึ่งผลักดันกฎหมายเพื่อสิทธิของชนผิวดำได้ รับชัยชนะในภาคใต้ เหตุการณ์นี้สร้างความไม่พอใจให้กับชน ผิวขาวในภาคใต้ที่ต่อต้านนักการเมืองพรรคริพับลิกันภาค เหนือและไม่ยอมรับสิทธิของชนผิวดำ มลรัฐในภาคใต้เริ่ม แก้ ไขกฎหมายรัฐธรรมนูญของมลรัฐ เพื่อกีดกันคนผิวดำ โดยกำหนดคุณสมบัติของผู้มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้งว่า ต้อง สามารถอ่านออกเขียนได้ ต้องเสียภาษีรายหัว ต้องมีชื่อใน ทะเบียนสำมะโนครัว หรือต้องมีหลักทรัพย์ อย่างไรก็ตาม กฎ หมายจิมโครว์ก็ทำให้ชนผิวขาวที่ยากจนและไม่รู้หนังสืออีก หลายหมื่นคนไม่ได้รับสิทธิออกเสียงเลือกตั้งเช่นกัน ดังนั้น มลรัฐภาคใต้จึงออกกฎหมายที่เรียกว่า “Grandfather clause” ซึ่งระบุว่าผู้ที่จะได้รับสิทธิเลือกตั้งต้องมีปู่หรือตา เคยใช้สิทธิออกเสียงเลือกตั้งมาแล้ว กฎหมายนี้ช่วยให้ชนผิว ขาวที่ยากจนและไม่รู้หนังสือได้รับสิทธิให้ออกเสียงเลือกตั้ง แต่ตัดสิทธิของชนผิวดำทั้งหมด ใน ค.ศ. ๑๘๘๓ เมื่อศาลฎีกาสหรัฐอเมริกาชี้ขาดว่า กฎหมายเกี่ยวกับสิทธิพลเมือง ค.ศ. ๑๘๗๕ ซึ่งห้ามการแบ่ง แยกผิวในสถานที่สาธารณะและการใช้บริการนั้นขัดต่อ รัฐธรรมนูญ มลรัฐภาคใต้จึงมีอิสระในการบัญญัติกฎหมาย จิมโครว์ที่ห้ามชนผิวดำใช้บริการในสถานที่เดียวกับชนผิวขาว รวมทั้งการออกกฎหมายที่ให้แบ่งแยกโรงเรียนระหว่างเด็ก ผิวขาวและผิวดำ ตลอดจนการแบ่งแยกที่นั่งและการใช้ บริการในตู้โดยสารรถไฟระหว่างชนผิวขาวกับชนผิวดำและ ชนผิวสี ทำให้เกิดคดี Plessy v. Ferguson ซึ่งศาลฎีกา สหรัฐอเมริกาได้ตัดสินสนับสนุนการแบ่งแยกผิวโดยวินิจฉัย ว่า การแบ่งแยกผิวในสถานที่สาธารณะและการให้บริการ เป็นหลักการ “แบ่งแยกแต่เท่าเทียม” (separate but equal) ที่ไม่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ การใช้กำลังและความรุนแรงของชนผิวขาวเกิดขึ้นตั้งแต่ เริ่มสมัยการบูรณะฟื้นฟูภาคใต้ เนื่องจากกฎหมายชนผิวดำ ของมลรัฐภาคใต้ถูกลบล้างโดยรัฐบัญญัติเกี่ยวกับสิทธิ พลเมือง ค.ศ. ๑๘๖๖ ชนผิวขาวจึงใช้กำลังและความรุนแรง เพื่อขู่เข็ญชนผิวดำให้หวาดกลัวและไม่กล้าออกไปใช้สิทธิ เลือกตั้งหรือเรียกร้องสิทธิของตนตามกฎหมาย โดยจัดตั้ง สมาคมลับ คู คลักซ์ แคลน (Ku Klux Klan) ขึ้น มี วัตถุประสงค์เพื่อรื้อฟื้นสถานะที่มีอำนาจเหนือกว่าของชนผิว ขาว ขู่เข็ญและคุกคามชนผิวดำและนักการเมืองผิวขาวพรรค ริพับลิกัน ซึ่งมีทั้งการประชาทัณฑ์ การทำร้ายทุบตี และ แขวนคอ การใช้ความรุนแรงต่อต้านชนผิวดำในภาคใต้ทำให้ ชนผิวดำส่วนใหญ่ยอมรับสภาพที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ แต่คน อีกกลุ่มใหญ่ได้อพยพไปยังภาคเหนือและภาคตะวันตกตอน กลาง อย่างไรก็ตาม กลุ่มปัญญาชนผิวดำไม่เห็นด้วยกับการ หนีปัญหาและคิดว่าชนผิวดำต้องเผชิญปัญหาและต่อสู้เพื่อ สิทธิของตนเอง ชนผิวดำได้ต่อสู้เพื่อเรียกร้องสิทธิของตนอย่างจริงจัง และเปิดเผยในต้นคริสต์ศตวรรษที่ ๒๐ ผู้นำการต่อสู้ส่วน ใหญ่เป็นปัญญาชนผิวดำที่มีการศึกษาสูง ผู้นำทางความคิด เกี่ยวกับสิทธิของชนผิวดำคนแรกคือ ดับเบิลยู. อี. บี. ดู บอยส์ ซึ่งเป็นนักเขียน นักประวัติศาสตร์และผู้นำขบวนการ อเมริกันผิวดำสมัยใหม่ ดูบอยส์เห็นว่าการแก้ปัญหาของชาว อเมริกันเชื้อสายแอฟริกาของ บูเกอร์ ที. วอชิงตัน (Booker T. Washington) นักการศึกษาชาวอเมริกันผิวดำที่สนับสนุน ให้ชนผิวดำใช้สันติวิธี คือการประนีประนอมและยอมรับการ แบ่งแยกผิวโดยไม่ต่อต้านเพื่อให้ชนผิวขาวในภาคใต้เห็นใจ และยอมรับความเท่าเทียมกันของชนผิวดำนั้นไม่ใช่หนทางที่ ถูกต้อง ดูบอยส์จึงสนับสนุนให้ชนผิวดำใช้ศักยภาพของตน ต่อสู้เพื่อสิทธิที่เท่าเทียมกัน เขาเป็นที่รู้จักกันทั่วประเทศใน ฐานะนักต่อสู้หัวรุนแรง ใน ค.ศ. ๑๙๐๕ ดูบอยส์เป็นผู้นำในการจัดประชุมกลุ่ม ปัญญาชนที่เมืองไนแอการาฟอลล์ ประเทศแคนาดา ซึ่งทำให้ เกิดขบวนการไนแอการา (Niagara movement) เพื่อเรียก ร้องสิทธิที่เท่าเทียมกันระหว่างชนผิวดำกับผิวขาว ผู้ที่ร่วมใน ขบวนการนี้มีทั้งชนผิวดำและชนผิวขาวซึ่งวางแผนให้ใช้วิธี การต่อสู้แบบแข็งกร้าว ต่อมา ขบวนการไนแอการาได้ถูก รวมเข้ากับสมาคมแห่งชาติเพื่อความก้าวหน้าของชนสีผิว (National Association for the Advancement of Colored People) หรือเอ็นเอเอซีพี (NAACP ) ที่ก่อตั้งขึ้น ใหม่เพื่อให้มีศักยภาพในการทำงานมากกว่าเดิม สมาคมเอ็น เอเอซีพีมีวัตถุประสงค์เพื่อเรียกร้องให้ยุติการแบ่งแยกผิว ให้ ชนผิวขาวและผิวดำได้รับโอกาสทางการศึกษาที่เท่าเทียมกัน ให้ชนผิวดำได้รับสิทธิในการออกเสียงเลือกตั้ง และให้มีการ บังคับใช้กฎหมายตามรัฐบัญญัติแก้ ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ มาตราที่ ๑๔ และ ๑๕ สมาคมเอ็นเอเอซีพีมีบทบาทต่อเนื่อง ในการต่อสู้เพื่อสิทธิของชาวอเมริกันเชื้อสายแอฟริกา โดย เฉพาะการผลักดันให้มีการเคลื่อนไหวของขบวนการเรียกร้อง
Made with FlippingBook
RkJQdWJsaXNoZXIy NTk0NjM=