198 November'50 Rajbundit.indd

2 จดหมายข่าวราชบัณฑิตยสถาน ***เมื่อวันจันทร์ที่ ๕ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๐ ศาสตราจารย์ ดร.ชัยÕนันต์ สมุทวณิช นายกราชบัณฑิตยสถาน นำราชบัณฑิต ภาคีสมาชิก กรรมการวิชาการ ข้าราชการและลูกจ้างของราชบัณฑิตยสถาน ‰ป∂วายผ้าพระก∞ินพระราชทาน ณ วัดสังข์กระจายวรวิÀาร ·ขวงวัดÕรุณ เขตบางกÕก„À≠่ กรุงเทพมÀานคร วัดสังข์กระจายวรวิหาร เป็นวัดโบราณสร้างขึ้นเมื่อใดไม่มีหลักฐานปรากฏชัดเจน มีเรื่องเล่าสืบต่อกันมาว่า สร้างในระหว่างสมัยกรุง ศรีอยุธยาตอนปลายและสมัยกรุงธนบุรีตอนต้น โดยนายสังข์ ซึ่งเป็นข้าราชการตำแหน่งนายสารบบ (ในกรมพระสุรัสวดี) เป็นผู้เคร่งครัดใน การให้ทาน บำเพ็ญกุศล สดับธรรม และสมาทานศีลอุโบสถอยู่เป็นนิจ เป็นสัปบุรุษที่มีจริยาวัตรน่าเลื่อมใสของวัดราชสิทธาราม ตั้งบ้านเรือน อยู่บนฝัò งห่างจากปากคลองบางวัวทองหรือคลองบางลำเจียกน้อย ลึกเข้าไปประมาณ ๗ เส้นเศษ นายสังข์ได้มีจิตศรัทธาสร้างวัด จึงได้ ปรึกษากับนายพลับ ผู้ชอบพอคุ้นเคยกันเพื่อขอไม้ซุงมาสร้างวัด เมื่อนายพลับได้ทราบก็อนุโมทนาและมอบไม้ซุงให้ ไป และตั้งสัตยาธิษฐานว่า “หากซุงที่ปล่อยให้กระแสน้ำพัดล่องไปตามลำคลองนี้ลอยไปติด ณ ที่ใดก็สร้างวัด ณ ที่นั้น” ด้วยอำนาจสัตยาธิษฐาน ซุงก็ได้ลอยมาติดที่หน้า พระวิหารในปัจจุบันนี้เป็นที่น่าอัศจรรย์ นายสังข์และนายพลับจึงได้สร้างวัดในบริเวณนี้ แต่การสร้างวัดนั้นเป็นเรื่องใหญ่ ต้องค่อยทำค่อยไป ตามกำลังทรัพย์ แรกเริ่มได้สร้างกุฏิวิปัสสนา โดยก่ออิฐถือปูน กว้าง ๒ วา ยาว ๓ วา ๑ คืบ สูง ๒ วา ๑ คืบ มีประตูและหน้าต่างอย่างละ ๑ บาน ข้างในทำเป็นแท่นก่อปูน สำหรับนั่ง นอน หรือใช้เป็นที่บำเพ็ญวิปัสสนาเหมาะเฉพาะเพียงคนเดียว โดยใช้ซุงท่อนนั้นเป็นเครื่องบน ต่อมา เจ้าจอมแว่นหรือคุณเสือพระสนมเอกในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟÑ าจุÃาโลกมหาราช ได้ส่งข้าหลวงสนิทคนหนึ่งชื่อนางจ่าย ไปเฝÑ าสวนของตน ซึ่งติดกับที่ของนายสังข์ ภายหลังนางจ่ายกับนายสังข์มีความสนิทชอบพอกัน จึงดำริร่วมใจกันสร้างวัดนี้ต่อไป นางจ่ายถึง กับขันอาสาไปขอความช่วยเหลือจากเจ้าจอมแว่น ในที่สุดความปรารถนาของทั้งสองก็สมประสงค์ เจ้าจอมแว่นได้มอบทุนให้จำนวนหนึ่ง ทั้ง สองได้สร้างเพิ่มเติมขึ้นอีก คือ กุฏิ ๔ คณะ ด้านใต้ เป็นกุฏิถือปูนทั้งหมด ซึ่งปัจจุบันได้กลายเป็นเขตบ้านเช่าไปแล้ว ครั้นสร้างแล้วเสร็จ เมื่อจะขอพระราชทานวิสุงคามสีมา ทั้งสองเกิดปากเสียงเรื่องนำชื่อของตนเพื่อขอพระราชทานนามเป็นชื่อวัด นางจ่ายได้นำความไปบอกให้เจ้าจอมแว่นทราบ ครั้นเมื่อนำความกราบบังคมทูลเพื่อขอพระราชทานวิสุงคามสีมา พระบาทสมเด็จพระพุทธ- ยอดฟÑ าจุÃาโลกมหาราชมีพระราชดำรัสว่า วัดที่สร้างขึ้นมานั้นสวยไม่สมเกียรติของพระสนมเอก จึงโปรดเกล้าให้กรมหมื่นไกรสรวิชิตเป็น นายงานควบคุมสร้างพระอุโบสถ โดยให้หันหน้าวัดไปทางคลองบางวัวทอง อยู่เคียงกับกุฏิสง¶์ของเดิม พร้อมกับได้สร้างกุฏิขึ้นใหม่อีกหมู่หนึ่ง บริเวณพระอุโบสถด้านใต้อีกด้วย เล่ากันว่า เมื่อขุดพื้นที่เพื่อสร้างพระอุโบสถนั้น ได้ขุดพบพระกัจจายน์หล่อด้วยสัมฤทธิÏ ขนาดหน้าตักกว้าง ๑๐ นิ้ว ไม่มีฐาน และสังข์ ตัวหนึ่ง แต่สังข์นั้นได้ชำรุดไป ส่วนพระกัจจายน์ได้เก็บรักษาไว้เป็นคู่พระอาราม ครั้นเมื่อสร้างเสร็จเรียบร้อยแล้ว พระบาทสมเด็จพระพุทธ- ยอดฟÑ าจุÃาโลกมหาราช จึงทรงถือนิมิตเหตุอันนี้ จึงพระราชทานนามว่า “วัดสังข์กระจาย”

RkJQdWJsaXNoZXIy NTk0NjM=