รวมเล่ม
๑๒ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว. พระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงวิจารณ์เรื่อง พระราชพงศาวดาร กับเรื่องราชประเพณีการตั้งมหาอุปราช , หน้า ๓๖–๓๗. ๑๓ ลิขิต ธีรเวคิน. วิวัฒนาการการเมืองการปกครองไทย . พิมพ์ครั้งที่ ๗ หน้า ๖๒. ๑๔ วิษณุ เครืองาม. “กฎเกณฑ์การสืบราชสมบัติของไทย” วารสารราชบัณฑิตยสถาน ปีที่ ๓๗ ฉบับที่ ๓ กรกฎาคม – กันยายน ๒๕๕๕, หน้า ๑๔–๒๓. ๑๕ สมเด็จฯ กรมพระยาดำ �รงราชานุภาพ ใน ตำ �นานวังหน้า ฉบับพิมพ์ครั้งที่ ๘ หน้า ๑๒ ระบุว่า ไม่มีการแต่งตั้งพระมหาอุปราช แต่วิษณุ เครืองาม ว่า มีการตั้งสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้ากรมหลวงอินทรพิทักษ์ เป็นพระมหาอุปราช (วิษณุ เครืองาม, เล่มเดิม , หน้า ๒๓) ซึ่งสอดคล้องกับ ประชุมพงศาวดาร ภาค ๓๙ ฉบับองค์การค้าของคุรุสภา, ๒๕๑๑, หน้า ๑๕๗. ๑๖ พระราชพงศาวดารกรุงธนบุรี ฉบับพันจันทนุมาศ (เจิม). หน้า ๑๒๕. .................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................. วารสารราชบัณฑิตยสถาน ปีที่ ๓๙ ฉบับที่ ๑ ม.ค.-มี.ค. ๒๕๕๗ 46 ธรรมเนียมหลายอย่าง พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงอธิบายว่า “ตั้งพระราชโอรส พระองค์ใหญ่ ซึ่งจะรับราชสมบัติแทนพระองค์นั้นมีมาก ตั้งพระราชอนุชาซึ่งได้ทุกข์ได้ยากมาด้วย กัน” ก็มี และทรงอธิบายเพิ่มเติมว่า นับแต่สมัยอยุธยา ถึงสมัยของพระองค์ มีพระมหากษัตริย์รวม ๓๙ พระองค์ มีวังหน้าที่มีฐานะสูงเป็นเหมือนกษัตริย์องค์ที่ ๒ อยู่ ๒ พระองค์ คือ สมเด็จพระเอกา- ทศรถและสมเด็จพระปิ่นเกล้า ส่วนวังหน้าที่เป็นพระมหาอุปราชมี ๑๖ พระองค์ การตั้งขึ้นอยู่กับ ความพอพระทัยของกษัตริย์ และ “มิใช่จะเป็นธรรมเนียมว่า มีวังหลวงแล้วต้องมีวังหน้า ที่แต่ก่อน ท่านไม่ตั้งก็มาก” ๑๒ แต่การตั้งหรือไม่ตั้ง หรือตั้งใครเป็นพระมหาอุปราช ยังเกี่ยวข้องกับการแย่งชิง ราชสมบัติ ซึ่งมีมากในสมัยอยุธยา คือ มีถึง ๑๒ ครั้ง ๑๓ จนกระทั่ง ศ. ดร.วิษณุ เครืองาม เรียกการสืบ ราชสมบัติในสมัยอยุธยาว่า “มีกฎ แต่ยังไม่เป็นเกณฑ์” ๑๔ ในสมัยธนบุรี ซึ่งมีอายุเพียง ๑๕ ปี สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช (พ.ศ. ๒๓๑๐–๒๓๒๕) ทรงแต่งตั้งพระมหาอุปราชเช่นกัน ๑๕ เมื่อเกิดเหตุยุ่งยากในปลายสมัยธนบุรี พระยาสรรค์ได้ยึดอำ �นาจ สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชทรงขอออกผนวช ต่อมาพระยาสรรค์ได้ตั้งตนเป็นใหญ่ ระหว่างนี้ สมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก (ด้วงหรือทองด้วง ต่อมาคือพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬา- โลกมหาราช, พ.ศ. ๒๓๒๕–๒๓๕๒) ซึ่งกำ �ลังทำ �สงครามปราบปรามเขมรอยู่เมืองเสียมราฐ (เสียม เรียบ) จึงยกทัพกลับ ทำ �การปราบปรามพระยาสรรค์กับพรรคพวก “แล้วสมณะชีพราหมณ์เสนา พฤฒามาตย์ราษฎรทั้งปวงก็ทูลอาราธนาวิงวอนอัญเชิญเสด็จขึ้นปราบดาภิเษก” ๑๖ คือ ขึ้นครองราชย์ ในลักษณะ “มหาชนนิกรสโมสรสมมุต” ในวันที่ ๖ เมษายน พ.ศ. ๒๓๒๕ ซึ่งจะเป็นลักษณะสำ �คัญ ของการสืบราชสมบัติในสมัยรัตนโกสินทร์ จนถึงรัชกาลที่ ๕ “มหาชนนิกรสโมสรสมมุต” : พระราชประเพณีการสืบราชสมบัติสมัยรัตนโกสินทร์ พ.ศ. ๒๓๒๕–๒๔๒๙
Made with FlippingBook
RkJQdWJsaXNoZXIy NTk0NjM=