รวมเล่ม

.................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................. วารสารราชบัณฑิตยสถาน ปีที่ ๓๙ ฉบับที่ ๑ ม.ค.-มี.ค. ๒๕๕๗ 295 วนิดา ขำ �เขียว ที่เราปฏิเสธอะไรต่าง ๆ ได้ย่อมแสดงว่าเรามีเสรีภาพอย่างแท้จริง ดังนั้นภายในเสรีภาพเองจึงมีการ แฝงอยู่ของการปฏิเสธ อนึ่ง สถานการณ์ก็เป็นหลักสำ �คัญต่อการตัดสินใจ ซาทร์คิดว่าสถานการณ์เป็นโครงสร้าง พื้นฐานของภาวะสำ �หรับตนเอง คนทุกคนจึงต้องอยู่ในสถานการณ์ ถึงแม้ว่าตนเองจะมีเสรีภาพ ก็ตาม แต่การใช้เสรีภาพจะอยู่ในวงจำ �กัดของสถานการณ์ เช่น คนที่เกิดมาพิการ ความพิการเป็น สถานการณ์อย่างหนึ่งซึ่งคนพิการเลือกเองไม่ได้พอเกิดมาและเริ่มตระหนักว่าตัวเขานั้นพิการและ อยู่ในสถานการณ์ที่เลือกไม่ได้ แต่เขายังคงมีเสรีภาพถึงแม้ว่าจะอยู่ในวงจำ �กัดก็ตาม คนที่เกิดมา แขนด้วนสามารถใช้แขนข้างเดียว คนที่เกิดมาขาด้วนทั้ง ๒ ข้าง สามารถใช้แขนและอวัยวะที่มีอยู่ ในการดำ �เนินชีวิตต่อไป พวกเขามีเสรีภาพที่จะเลือกมีชีวิตอยู่อย่างพิการหรือเลือกที่จะฆ่าตัวตาย ก็ได้ การที่มนุษย์มีเสรีภาพในสถานการณ์ย่อมทำ �ให้มนุษย์ต้องมีความรับผิดชอบในการใช้เสรีภาพ นั้น สถานการณ์จึงต้องมีควบคู่กับเสรีภาพเสมอซาทร์เชื่อว่าถ้าไม่มีสถานการณ์คอยกำ �หนดว่า สถานการณ์ของอะไร ความสำ �นึกจะไม่สามารถเลือกอะไรได้ สิ่งที่เรียกว่าสถานการณ์ในทัศนะของ ซาทร์นั้นมิได้หมายความเฉพาะในเรื่องสถานที่และสิ่งแวดล้อมเท่านั้น แต่ยังมีสิ่งอื่นอีกหลายประการ ซึ่งจะก่อให้เกิดผลต่อเสรีภาพซึ่งมีทั้งหมด ๕ ประการ คือ ๑. ที่ของฉัน (My Place) ตามทัศนะของซาทร์แล้วสถานที่มิได้เป็นอุปสรรคต่อเสรีภาพของมนุษย์ คนทุกคนสามารถที่ จะแยกตนเองออกจากสถานที่ได้ ดังนั้นการที่ใครคนใดคนหนึ่งมีอาชีพเป็นพนักงานที่มีฐานะยากจน ย่อมมิได้หมายความว่าเขาไม่มีอิสระที่จะไปนิวยอร์ก (NewYork) อุปสรรคทั้งหลายนั้นคือสิ่งที่มนุษย์ สร้างขึ้นมาในรูปแบบของแผนการต่าง ๆ เช่น แผนการที่จะไปนิวยอร์ก ไปประเทศจีน หรือไปเมือง เมลเบิร์น (Melbourne) แผนการเหล่านี้มนุษย์เป็นผู้สร้างขึ้นมาทำ �ให้เป็นสถานการณ์ที่ทำ �ให้เราถูก จำ �กัด แต่เรามีเสรีภาพในการเลือกที่จะยอมรับหรือปฏิเสธได้เสมอ ๒. อดีตของฉัน (My Past) ซาทร์ยอมรับว่าคนทุกคนมีอดีต และอดีตเป็นสิ่งที่เราเปลี่ยนแปลงไม่ได้เราจึงไม่สามารถ คิดถึงตัวเองได้ถ้าปราศจากอดีต แต่กระนั้นอดีตมิได้มีอำ �นาจเหนือการตัดสินใจของเรา เราสามารถ แยกตนเองออกจากอดีตและเราสามารถทิ้งอดีตได้ การที่คนส่วนมากคิดว่าอดีตมีอำ �นาจต่อการตัดสิน ใจในปัจจุบันนั้นเป็นเพราะตัวตนในปัจจุบันเป็นผู้มอบอำ �นาจและมอบความหมายให้แก่อดีต ทั้ง ๆ ที่ เราสามารถเลือกอดีตและทิ้งอดีตได้ การแต่งงานในอดีตจะมีความสำ �คัญต่อเราในเวลานี้ต่อเมื่อเรา ตัดสินใจที่จะยอมรับการแต่งงานนั้น แต่ถ้าเราเลิกล้มความสนใจในการแต่งงานก็เท่ากับว่าเราละทิ้ง อดีต ความขมขื่นในชีวิตที่ผ่านมาจะมีความสำ �คัญต่อเราได้เมื่อเรายอมรับมัน แต่ถ้าเราลืมมันและไม่ สนใจความขมขื่นนั้นอีกต่อไป อดีตนั้นจะไม่มีอิทธิพลต่อชีวิตของเราเลย ถึงแม้ว่าอดีตเป็นเครื่องมือ

RkJQdWJsaXNoZXIy NTk0NjM=