รวมเล่ม
.................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................. วารสารราชบัณฑิตยสถาน ปีที่ ๓๙ ฉบับที่ ๑ ม.ค.-มี.ค. ๒๕๕๗ 290 มนุษย์บนเส้นทางสู่เสรีภาพของซาทร์ ตระหนักถึงความมีอยู่ของตนเองว่าอยู่เหนือสารัตถะ (essence) ที่เป็นนามธรรม อันเป็นการส่งเสริม มนุษย์ให้รู้จักตนเอง เข้าใจตนเอง และแก้ไขปัญหาซึ่งส่วนมากมาจากตนเอง การแก้ไขปัญหาต่าง ๆ แบบซาทร์นี้ไม่มีรูปแบบที่สำ �เร็จรูป เพราะซาทร์คิดว่าปัญหาของแต่ละคนนั้นมีลักษณะเฉพาะตน แนวคิดและวิธีการแก้ปัญหาตามแบบซาทร์นั้นจึงเป็นลักษณะที่กระตุ้นให้บุคคลคิดเป็น ทำ �เป็น และ ยอมรับสภาวะความจริงทุกอย่างตามที่ปรากฏขึ้นมาจึงทำ �ให้มนุษย์สามารถเห็นปัญหาของตนเอง และมีความกล้าที่จะเลือกวิธีการแก้ปัญหาด้วยตนเองอย่างมีเสรีภาพ การที่เราจะศึกษาเสรีภาพในทัศนะของซาทร์นั้นมีประเด็นที่ควรพิจารณา ๓ ประการ ดังนี้ ๑. มนุษย์ในทัศนะของซาทร์นั้นเป็นอย่างไร ๒. เสรีภาพในทัศนะของซาทร์นั้นสำ �คัญอย่างไร ๓. เสรีภาพในทัศนะของซาทร์ยังคงนำ �มาใช้กับชีวิตในสังคมปัจจุบันได้หรือไม่ ๑. มนุษย์ในทัศนะของซาทร์นั้นเป็นอย่างไร ซาทร์มีความสนใจในปรัชญาของนักปราชญ์ตะวันตกหลายคน ได้แก่ คานท์, เฮเกล, ไฮเด็กเกอร์ และฮุสเซิร์ล นักปราชญ์เหล่านี้มีส่วนทำ �ให้ซาทร์เกิดแรงบันดาลใจในการสร้างแนวคิดทางปรัชญา และสร้างผลงานสำ �คัญต่าง ๆ มากมาย เช่น The Transcendence of the Ego, Being and Nothingness, Existentialism is a Humanism, The Nausea และ No Exit โดยเฉพาะอย่าง ยิ่งแนวคิดของฮุสเซิร์ลซึ่งเสนอวิธีปรากฏการณ์วิทยา (phenomenology) อันเป็นการหาความจริง ที่ให้จิตทำ �งานอย่างอิสระและปราศจากอคติ โดยไม่ปล่อยให้ความรู้และศรัทธาใด ๆ เข้ามามีอิทธิพล ความรู้ที่ปรากฏจึงเป็นความรู้ที่บริสุทธิ์ ดังนั้น ความรู้ที่ได้มาด้วยวิธีนี้จึงไม่ใช่ความเป็นจริงในตัวเอง แต่เป็นความจริงที่ปรากฏแก่ความสำ �นึกของเรา ซาทร์ได้นำ �วิธีปรากฏการณ์วิทยานี้ไปปรับปรุงใหม่ เพราะไม่เห็นด้วยกับฮุสเซิร์ลที่คาดหวังว่าจะพบสารัตถะจากวิธีปรากฏการณ์วิทยา ซาทร์ได้ใช้แนวคิด ปรากฏการณ์วิทยานี้ไปศึกษาอัตถิภาวะ (existence) โดยต้องการศึกษาเข้าไปในตนเองแล้วดูความ สำ �นึกที่เกิดขึ้น แต่ไม่คาดหวังที่จะพบสารัตถะ ซึ่งวิธีการแบบนี้คล้ายกับการฝึกสติปัฏฐาน ๔ ใน พระพุทธศาสนา ที่มีหลักการตามดู รู้คิด รู้ความรู้สึกและอาการของกายและจิตในทุกระยะ การ พิจารณาเข้าไปภายในเช่นนี้เป็นวิธีที่ซาทร์เรียกว่า พรรณนาปรากฏการณ์ (Phenomenological Description) ซึ่งเป็นการพิจารณาและเห็นความสำ �นึกของเราที่มีต่อปรากฏการณ์ต่าง ๆ โดยไม่ใช้ ความรู้ใด ๆ เข้าไปตีความหรือแต่งเติมและไม่มีการคาดเดา การหาความรู้แบบนี้เป็นการมองเข้าไป ภายใน ซึ่งจะทำ �ให้เรารู้จักตนเอง และรู้ว่าเรานั้นจะต้องแก้ไขปัญหาอย่างไรให้แก่ตนเอง ในประเด็น นี้เองที่ทำ �ให้เราเห็นว่าแนวคิดของซาทร์มีความแตกต่างไปจากการแสวงหาความรู้ของนักปรัชญา สมัยก่อนในหลาย ๆ สำ �นักที่นิยมการคาดเดาหรือการเก็งความจริง การที่ซาทร์ใช้วิธีมองเข้าไป
Made with FlippingBook
RkJQdWJsaXNoZXIy NTk0NjM=