รวมเล่ม

.................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................. วารสารราชบัณฑิตยสถาน ปีที่ ๓๙ ฉบับที่ ๑ ม.ค.-มี.ค. ๒๕๕๗ 263 ปฐมาภรณ์ บุษปธำ �รง โดยมีโทษตามกฎหมาย กฎหมายสิทธิเด็กมีที่มาจากอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็กซึ่งเป็นกฎหมายระหว่าง ประเทศที่ได้กำ �หนดสิทธิพื้นฐานของเด็กไว้ ๔ ประการ คือ ๑. สิทธิที่จะมีชีวิตรอด เป็นสิทธิที่จะได้รับการเลี้ยงดูทั้งทางร่างกายและจิตใจตลอดจนที่ อยู่อาศัยให้เกิดความปลอดภัยและต้องได้รับการดูแลด้านสุขภาพจากบริการทางการแพทย์ ๒. สิทธิที่จะได้รับการพัฒนา เด็กทุกคนต้องได้รับสิทธิรับการศึกษาที่ดี ได้รับโภชนาการที่ เหมาะสม ๓. สิทธิที่จะได้รับความคุ้มครอง เป็นสิทธิที่เด็กทุกคนจะได้รับความคุ้มครองให้รอดพ้นจาก การทารุณทุกรูปแบบ ๔. สิทธิที่ในการมีส่วนร่วมมีสิทธิที่จะแสดงออกและแสดงความคิดเห็นต่อสังคมในเรื่องที่มี ผลกระทบต่อเด็ก ประเทศไทยได้รับหลักการดังกล่าวมาบัญญัติเป็นกฎหมายภายในชื่อว่า พระราช- บัญญัติคุ้มครองเด็ก พ.ศ. ๒๕๔๖ บัญญัติหลักเกณฑ์ในการสงเคราะห์คุ้มครองสวัสดิภาพและ ป้องกันการละเมิดสิทธิเด็กไว้หลายประการ ครอบคลุมสิทธิเด็กตามอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็กข้างต้น โดยสรุปประเด็นสำ �คัญดังนี้ ๑. คณะกรรมการคุ้มครองเด็ก กฎหมายกำ �หนดให้มีคณะกรรมการทำ �หน้าที่ดำ �เนินการ และให้คำ �ปรึกษาแก่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในเรื่องการสงเคราะห์คุ้มครองสวัสดิภาพและส่งเสริมความ ประพฤติเด็กเพื่อดำ �เนินการให้การคุ้มครองสิทธิเด็ก เกิดเป็นรูปธรรมและมีประสิทธิภาพอย่างต่อ เนื่อง ๒. การปกป้องคุ้มครองเด็ก กฎหมายได้กำ �หนดหน้าที่ของผู้ปกครองและบุคคลผู้เกี่ยวข้อง ให้ต้องปฏิบัติต่อเด็กอย่างเหมาะสมไว้อย่างชัดเจน และผู้ฝ่าฝืนย่อมมีโทษทั้งทางปกครองและทาง อาญา เช่น ผู้ปกครอง กฎหมายกำ �หนดหน้าที่ต้องให้การอุปการะเลี้ยงดู อบรมสั่งสอนและพัฒนาเด็ก ที่อยู่ในความปกครองดูแลของตนตามสมควรแก่ขนบธรรมเนียมประเพณีและวัฒนธรรมแห่งท้องถิ่น และต้องคุ้มครองสวัสดิภาพเด็กที่อยู่ในความปกครองดูแลของตนมิให้ตกอยู่ในภาวะอันน่าจะเกิด อันตรายแก่ร่างกายหรือจิตใจ ผู้ปกครองต้องไม่กระทำ �การดังต่อไปนี้ ๒.๑ ทอดทิ้งเด็กไว้ในสถานรับเลี้ยงเด็ก หรือสถานพยาบาล หรือไว้กับบุคคลที่รับจ้างเลี้ยง เด็ก หรือที่สาธารณะ หรือสถานที่ใด โดยเจตนาที่จะไม่รับเด็กกลับคืน ๒.๒ ละทิ้งเด็กไว้ ณ สถานที่ใด ๆ โดยไม่จัดให้มีการป้องกันดูแลสวัสดิภาพ หรือให้การเลี้ยงดู ที่เหมาะสม ๒.๓ จงใจหรือละเลยไม่ให้สิ่งที่จำ �เป็นแก่การดำ �รงชีวิตหรือสุขภาพอนามัยจนน่าจะเกิด

RkJQdWJsaXNoZXIy NTk0NjM=