รวมเล่ม

.................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................. วารสารราชบัณฑิตยสถาน ปีที่ ๓๙ ฉบับที่ ๑ ม.ค.-มี.ค. ๒๕๕๗ 257 ปฐมาภรณ์ บุษปธำ �รง ภาพที่ ๑ ภาพวาดฝาแฝด อิน-จัน บังเกอร์ หรือ เอ็ง-ชาง บังเกอร์ ภาพที่ ๒ ภาพแฝดอิน-จัน ในวัยสูงอายุ มีเรื่องที่เล่าบางเรื่องกล่าวว่าควรจะแยกเด็กทั้งคู่ออกจากกันเสียเพื่อให้ลางร้ายนั้นหมดไป หากพิจารณาวิธีการที่หมอในสมัยนั้นจะทำ �กันล้วนเป็นเรื่องที่มีแนวโน้มในการใช้ความรุนแรงและ ฟังดูแล้วเป็นภัยต่อเด็ก เช่น การนำ �ลวดไปเผาไฟให้ร้อน แล้วใช้ลวดตัดเด็กสองคนให้แยกออกจาก กัน หรือหมอบางคนแนะนำ �ให้เอาเลื่อยมาเลื่อยเด็กทั้ง ๒ คนนี้ออกจากกันไปเลย อย่างไรก็ตาม ไม่ ว่าจะเป็นวิธีการใด บิดาและมารดาของแฝดอิน-จันปฏิเสธโดยตลอด พร้อมทั้งยืนยันว่าครอบครัว ของตนมีความประสงค์จะเลี้ยงเด็กแฝดตัวติดกันคู่นี้อย่างคนปรกติทั่วไป ในด้านครอบครัว ก็เพื่อให้ ลูกที่เกิดมาใช้ชีวิตเหมือนเด็กปรกติธรรมดา นางนกแม่ของอิน-จันจึงพยายามดึงเส้นเอ็นที่เชื่อมหน้าอก ของลูกทั้งสองให้ยืดยาวออกให้ได้มากที่สุดเพื่อให้ทั้งคู่เคลื่อนไหวร่างกายได้อย่างสะดวก อีกทั้งยังฝึก ให้เด็กทั้งสองทำ �กิจกรรมต่าง ๆ อย่างเช่นการเดิน วิ่ง ว่ายน้ำ � พายเรือ เพื่อให้เด็กทั้งคู่จะสามารถทำ � สิ่งต่าง ๆ ได้เหมือนเด็กคนอื่น ๆ และสามารถใช้ชีวิตตามปรกติ (วิชิต ศุภฤกษ์ ๒๕๕๕ : ๓-๔) ทางด้านการพัฒนาของแฝดอิน-จัน เด็กแฝดได้เริ่มหัดเดินก็พบความยุ่งยากที่มีมากกว่าเด็ก ธรรมดาคนอื่น ๆ เพราะขณะที่คนหนึ่งก้าวเท้าหากอีกคนหนึ่งอยู่เฉย ๆ ก็จะหกล้มหัวคะมำ �ไปทั้งคู่ แต่ไม่นานนักปัญหานี้ก็หมดไปเมื่อทั้งคู่รู้จักการโอบไหล่กันเข้าหากัน ก้าวเท้าประสานกัน เหมือนเป็น คน ๆ เดียวกันจนสามารถเดินและวิ่งได้อย่างคล่องแคล่ว สิ่งที่น่าแปลกก็คือทั้งคู่จะรู้ว่าอีกคนจะ เดินไปทางไหน จะหยุดเมื่อไหร่ และลุกขึ้นยืนตอนไหน อินกับจันจะทำ �อะไรพร้อมกันอยู่เสมอ รวม

RkJQdWJsaXNoZXIy NTk0NjM=