รวมเล่ม

.................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................. วารสารราชบัณฑิตยสถาน ปีที่ ๓๙ ฉบับที่ ๑ ม.ค.-มี.ค. ๒๕๕๗ 204 มัชฌิมนิยม ดำ �รงและดำ �เนินวิถีชีวิตสายกลางร่วมกัน พระพุทธเจ้าทรงสรรเสริญบุคคลประเภทที่ ๔ นี้ว่าเป็น มนุษย์ในอุดมคติ ทั้งในด้านคดีโลกและคดีธรรม ระดับสามัญชนและอริยบุคคล “...บุคคลผู้เกิดมามี ชีวิตเป็นแบบมนุษย์ได้แล้ว พัฒนาชีวิตผ่านการศึกษาอบรมดีพอทำ �ตนให้เป็นประโยชน์เกื้อกูลทั้งแก่ ตนเองและผู้อื่นได้ ย่อมถือได้ว่าเป็นมนุษย์พิเศษและประเสริฐสุด(อริยะ-อารยะ) ในบรรดามนุษย์ทั้ง หลาย...” ๓๓ ๓.๔ มัชฌิมนิยมทางสังคมและการเมือง ๓.๔.๑ การสังคม : มนุษย์เกิดคนเดียว อยู่คนเดียว และตายไปคนเดียว โดยไม่เกี่ยวข้อง และอาศัยผู้อื่นสิ่งอื่นเลย ย่อมเป็นไปไม่ได้ มนุษย์เป็นพี่น้องและเพื่อนร่วมทุกข์ร่วมสุขกันในชาติพันธุ์ เดียวกัน คือ มนุษยชาติ เสมอเหมือนเท่าเทียมกันในความเป็นมนุษย์ภายใต้กฎแห่งกรรมและในกฎ ธรรมชาติเดียวกัน แม้ภายหลังมีความแตกต่างหลากหลาย เหตุเพราะ “มนุษยบัญญัติ” มนุษย์ควร ต้องละเว้นการดูหมิ่นเหยียดหยาม เอารัดเอาเปรียบ เบียดเบียนทำ �ลายทำ �ร้ายกัน เห็นผิดเสพติดใน อำ �นาจชาติตระกูล อำ �นาจเงินและอื่น ๆ ให้มนุษย์ต้องแบ่งแยกแตกต่างเหลื่อมล้ำ �กันยิ่งขึ้น มนุษย์ ผู้ได้ชื่อว่า เวไนยสัตว์จึงควรต้องมาร่วมกันดำ �เนินวิถีชีวิตสายกลาง สังคมนุษย์เริ่มจากส่วนเล็กขยาย สู่องค์รวมใหญ่ แต่ละคนเป็นศูนย์กลางขยายกระจายความสัมพันธ์กับคนอื่น ๆ สังคมมนุษย์มีชีวิต จิตใจ มีรูปลักษณ์และสายสัมพันธ์เดียวกันบนรากฐานแห่งธรรมาธิปไตย สายสัมพันธ์พื้นฐานในสังคม มนุษย์มี ๖ สาย พร้อมสิทธิหน้าที่ต่อกัน คือ ๓๔ ๑. มารดาบิดากับบุตรธิดา ๒. ครูอาจารย์กับลูก ๓. สามีกับภรรยา ๔. บุคคลกับมิตรสหาย ๕. นายจ้างกับลูกจ้าง ๖. พระสงฆ์กับคฤหัสถ์ ๓.๔.๒ การเมืองการปกครอง : การเมืองไม่ใช่เรื่องสัญชาตญาณและทั้งไม่ใช่เรื่องการ แสวงหา สะสม และใช้อำ �นาจของบุคคล หรือคณะบุคคลเพียงเพื่อผลประโยชน์ อาทิ ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข แต่เป็นเรื่องการใช้เหตุผลและคุณธรรมแนวมัชฌิมนิยม เพื่อสนองความประสงค์ อันชอบธรรม ทั้งจริยธรรมและนิติธรรมให้มนุษย์ ได้อยู่รวมและร่วมกันในสังคมด้วยความราบรื่น เรียบร้อย สงบสุข มั่นคง และบรรลุคุณประโยชน์ดังนั้นคุณประโยชน์ ความมั่นคงปลอดภัย ยุติธรรม และสันติสุขของมวลประชาชน คือสิ่งมุ่งหมายสูงสุดของการประกอบกรรมทางการเมืองการปกครอง แนวมัชฌิมนิยมโดยละเว้นทั้งระบอบอัตตาธิปไตย (อตฺตาธิปเตยฺโย) ที่ยึดติดในตัวบุคคลให้ครองและ ใช้อำ �นาจสูงสุด และระบอบโลกาธิปไตย (โลกาธิปเตยฺโย) ปัจจุบันนิยมเรียกระบอบประชาธิปไตย ยึดติดและถือชาวโลกเป็นใหญ่สุด แต่ถือตามระบอบธรรมาธิปไตย (ธมฺมาธิปเตยฺโย) ที่ต้องอาศัยธรรม ๓๓ AN. II. pp. 103-107. ๓๔ ศึกษาความละเอียดใน สุตฺ.ที.ปา. ๑๑/๑๙๘-๒๐๔/๒๐๒-๒๐๖; DN.III. 189-192.

RkJQdWJsaXNoZXIy NTk0NjM=