รวมเล่ม
.................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................. วารสารราชบัณฑิตยสถาน ปีที่ ๓๙ ฉบับที่ ๑ ม.ค.-มี.ค. ๒๕๕๗ 203 สิทธิ์ บุตรอินทร์ มิติส่วนตน : หมายถึงสัตบุรุษ (สปฺปุริส) หรือ สัตมนุษย์ทั้งสามัญชนและอริยบุคคล ที่ครอง ชีวิตและดำ �เนินวิถีชีวิตตามสูตรสัปปุริสธรรม ๗ ประการ ๓๒ คือ ธัมมัญญุตา : รู้จักสัจธรรมและ จริยธรรม เหตุผล กฎเกณฑ์แห่งความจริง ความถูกต้องดีงาม กฎธรรมดาทั่วไปและกฎเฉพาะ อัต- ถัญญุตา : รู้จักสิ่งมุ่งหมายหรือผลพึงได้รับรวมถึงอรรถประโยชน์พึงประสงค์ที่ควรแก่เหตุและแนว ปฏิบัติพอดี สู่การบรรลุผล-ไม่เกินเหตุเกินผล อัตตัญญุตา : รู้จักตัวเอง กำ �ลัง ศักยภาพ ความสามารถ คุณสมบัติประจำ �ตัว ตนเป็นใคร เป็นคนแบบไหน สถานภาพและภาระหน้าที่อย่างไร มุ่งเอาดีอะไร ทางไหนในชีวิต และทำ �อย่างไรจึงจะบรรลุความมุ่งหวังนั้น ๆ ไม่เกินตัวเกินเหตุ กาลัญญุตา : รู้จัก กาลเวลา โอกาสและจังหวะอันเหมาะอันควรในการประกอบกิจและภารหน้าที่นั้น ๆ ตรงเวลา รู้จัก กำ �ลังและคุณค่าเวลา ฉลาดวางแผนการใช้และบริหารเวลาในเรื่องนั้น ๆ กิจการนั้น ๆ ตามข้อมูลที่ เพียงพอ เวลาหาราคามิได้แต่มีคุณค่าเทียบได้กับชีวิต จึงควรต้องมัธยัสถ์เวลาของชีวิต มัตตัญญุตา : รู้จักประมาณการเรื่องต่าง ๆ อย่างพอดีพอเพียงพอประมาณ ไม่ขาดไม่เกิน ไม่สูงไม่ต่ำ � พอเหมาะ พอควร สมเหตุสมผล ละเว้นความไม่พอดีกับเกินพอดี ไม่ถึงดีกับเกินดี ไม่พออยู่พอกินกับมีอยู่มีกิน เหลือเฟือล้นฟ้า ปริสัญญุตา : รู้จักคนรอบตัว ชุมชน สังคม วางตัวถูกต้องเหมาะสมมีมารยาทดีงาม ต่อบุคคล ชุมชนนั้น ๆ ระดับนั้น ๆ ด้านนั้น ๆ ปุคคโลปรัญญุตา : รู้เขารู้เรา บุคคลแต่ละคน ใครเป็น ใคร เป็นคนแบบไหน อาชีพอะไร ตำ �แหน่งหน้าที่อะไร ระดับไหน แตกต่างหรือคล้ายคลึงกันอย่างไร อุปนิสัยใจคอเป็นอย่างไร ดูคนออก เลือกคนเป็น พึงปฏิบัติต่อคนนั้น ๆ อย่างไรตามฐานานุรูป มิติส่วนรวม : หมายถึงผู้บำ �เพ็ญตนเพื่อประโยชน์สุขแก่ตนและอุทิศตนเพื่อประโยชน์สุข แก่ผู้อื่น ยึดมั่นในคุณธรรม มนุษยธรรม และสังคหธรรมเทียบชีวิตเขากับชีวิตเราในความเป็นมนุษย์ เท่าเทียมกัน รักสุขเกลียดทุกข์เหมือนกัน ปฏิบัติต่อกัน “แบบใจเขาใจเรา” ถือคุณค่าผลงานชีวิตที่ ให้ประโยชน์สุขเกื้อกูลเพื่อนมนุษย์ด้วยกันเป็นเกณฑ์วินิจฉัย ในมิตินี้แบ่งมนุษย์เป็น ๔ ประเภทคือ มนุษย์เกิดมาไม่พัฒนาชีวิตและไม่ทำ �ชีวิตให้เป็นคุณประโยชน์เกื้อกูลใด ๆ ทั้งแก่ตนเองและผู้อื่น ซ้ำ � ยังชีวิตตนให้เป็นภาระหนักอกหนักใจผู้อื่น มนุษย์เช่นนี้ถือเป็นโมฆบุรุษ-คนเกิดมาเปล่าประโยชน์ รกโลก หนักแผ่นดิน มนุษย์เกิดมาเพียงเพื่อทำ �ชีวิตให้เป็นคุณประโยชน์เฉพาะแก่ตนเองเท่านั้น ไม่ เพื่อผู้อื่นเลย ซ้ำ �ยังให้โทษเบียดเบียนเอาประโยชน์จากผู้อื่นให้ต้องเดือดร้อนอีก มนุษย์เกิดมาทำ �ชีวิต ให้เป็นคุณประโยชน์แก่ผู้อื่นอยู่ร่ำ �ไป ไม่เอาคุณประโยชน์ให้ตนเอง ซ้ำ �ยังทำ �ตนเองและผู้เกี่ยวข้องให้ เดือดร้อน มนุษย์เกิดมาเพื่ออุทิศตนให้เกิดคุณประโยชน์ทั้งสองฝ่ายพร้อม ๆ กัน ไม่เบียดเบียนทั้ง ตนและผู้อื่นให้เดือดร้อน “เอาใจเขามาใส่ใจเรา เอาใจเราไปใส่ใจเขา” เป็นกัลยาณมิตรกันถ้วนหน้า ๓๒ ทีปา.๑๑/๓๓๑/๒๖๔ และ อง.สต๋ตถ.๒๓/๖๕/๑๑๔
Made with FlippingBook
RkJQdWJsaXNoZXIy NTk0NjM=