รวมเล่ม
.................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................. วารสารราชบัณฑิตยสถาน ปีที่ ๓๙ ฉบับที่ ๑ ม.ค.-มี.ค. ๒๕๕๗ 176 กระแสความคิดจริยศาสตร์สุขภาพในคริสต์ศตวรรษที่ ๒๑ ลักษณะของปัญหาจริยธรรมที่เป็นสถานการณ์ขัดแย้งระหว่างหลักจริยธรรม ปัญหาจริยธรรมที่เป็นสถานการณ์ขัดแย้งระหว่างหลักจริยธรรมหรือ moral dilemma เป็นทางสองแพร่งที่ผู้เผชิญปัญหาจะต้องเลือกตัดสินใจอย่างใดอย่างหนึ่ง ตัวอย่างประเด็นที่ อยู่ในขอบข่ายของบริการสุขภาพประการหนึ่ง คือ การยอมทำ �ตามความประสงค์ของผู้ป่วยที่ปฏิเสธ วิธีการรักษาที่ไม่เกิดประโยชน์และขอให้การรักษาเป็นไปในแบบของการรักษาตามอาการ (symptomatic treatment) แต่ขัดกับความประสงค์ของบุตรผู้ป่วยที่ต้องการให้รักษาต่อไปด้วย ความหวังที่อาจมีอาการดีขึ้น หรือกรณีที่แพทย์ปฏิบัติตามหลักจริยธรรมสากลพื้นฐานเรื่องการพูด ความจริงแก่ผู้ป่วย (veracity) ก็อาจขัดกับหลักจริยธรรมการไม่ทำ �ในสิ่งที่มีผลกระทบเป็นผลร้าย ต่อผู้ป่วย (do no harm) ในสภาวการณ์เช่นนี้แพทย์จะต้องตระหนักถึงความสำ �คัญของเรื่องนี้ มอง ปัญหาจริยธรรมออก มีแนวทางในการคิดการตัดสินใจอย่างเป็นระบบ โดยไม่ใช้ความรู้สึกความคิด เห็นส่วนตัว โดยหลักการปฏิบัติสากลในปัจจุบันการพิจารณาปัญหาจริยธรรมจะต้องคำ �นึงถึงทฤษฎี จริยศาสตร์ หลักกฎหมาย วัฒนธรรมความเชื่อของผู้ป่วยรวมถึงศาสนามาเป็นส่วนประกอบ คำ �ตอบ ที่ได้คือ “ควรทำ �อย่างไร” ในแต่ละกรณี และใช้วิธีการออกความเห็น (consensus) ร่วมกันมากกว่า การถือความเห็นของเสียงข้างมาก ข้อสรุปที่ได้อาจไม่ใช้ความเห็นของฝ่ายเสียงข้างมาก แต่เป็น ความเห็นที่มีพื้นฐานอยู่บนเหตุผลหลักการที่เหมาะสมกับความเป็นจริงของสถานการณ์นั้น ๑๓ ในต่าง ประเทศจะมีคณะกรรมการจริยธรรมของโรงพยาบาลช่วยพิจารณา ตัวอย่างผู้ป่วยหญิงอายุ ๘๔ ปี ป่วยด้วยระบบทางเดินหายใจ อาการทรุดลงตามลำ �ดับ ไม่สามารถหายใจได้ด้วยตนเอง ต้องใส่ท่อ ช่วยหายใจตามมาด้วยการเจาะคอ ผู้ป่วยมีภาวะแทรกซ้อนหลายประการ แพทย์แจ้งแก่บรรดาบุตร ธิดาจำ �นวน ๘ คน ของผู้ป่วยให้ทราบถึงความเป็นจริงของอาการ และถามความสมัครใจของบุตร ธิดาทุกคนว่า เมื่อวาระสุดท้ายมาถึงจะให้ทำ �การกู้ชีพหรือไม่ ในบรรดาบุตรธิดาของผู้ป่วย ๕ คนมี ความประสงค์จะให้กู้ชีวิต แต่อีก ๓ คนเห็นว่าไม่ควรทำ �เช่นนั้น อาการของมารดาชัดเจนด้วยข้อเท็จ จริงเชิงประจักษ์ว่าไม่อาจฟื้นคืนสภาพดังเดิมได้ การทำ �งานของอวัยวะต่าง ๆ เริ่มลดลงแต่ยังคงรับรู้ ได้ แพทย์และพยาบาลให้ข้อมูลแก่บุตรทุกคนว่าเวลาของการมีชีวิตอยู่เหลืออีกไม่นานนัก อาการของ วาระสุดท้ายเกิดขึ้นแล้ว ฝ่ายบุตร ๓ คนเป็นฝ่ายตัดสินใจบอกกับพี่น้องอีก ๕ คนว่า ช่วยกันทำ �สิ่งที่ดี ให้แม่ไปอย่างสงบจะดีกว่าการพยายามกู้ชีวิตซึ่งทำ �ได้ชั่วขณะและในที่สุดแม่ก็ต้องจากไป ๑๓ Mc Connell Terrance. Moral Issues in Health Care . 2 nd. ed. (Blmont, CA: Wadsworth Publishing Company, 1997) pp. 26-27.
Made with FlippingBook
RkJQdWJsaXNoZXIy NTk0NjM=