ปี-39-ฉบับที่-3
87 วิรุณ ตั้ งเจริ ญ วารสารราชบัณฑิตยสถาน ปีที่ ๓๙ ฉบับที่ ๓ ก.ค.-ก.ย. ๒๕๕๗ แขวนเรือน จึงค้นหาต้นเหตุว่ามันจะเปนด้วยอะไรคนถึงได้นิยมมากขึ้น ได้ความว่าเพราะรูปเช่นนี้ได้รางวัล เหรียญทองที่ปารีสคนจึงได้ฮือเขียนกันขึ้นบ้าง จึงนึกคาดใจว่านี่ท่านช่างเขียนครูบาอาจารย์แกจะเห็น ดีกันจริง ๆ ฤาจึงได้ให้รางวัลรูปชนิดนี้ คาดว่าแรกที่จะเกิดขึ้นคงจะมีตาช่างเขียนวิเศษอะไรคนหนึ่ง ซึ่งมีชื่อเสียงดีแล้ว เขียนแผลงออกไป แต่คงจะไม่ยับเยินเหมือนอย่างนี้ ของแกคงดีจริงจึงได้รางวัล ไม่ฉะนั้นกรรมการผู้ที่ตัดสินรางวัลจะเห็นรูปดี ๆ มันมากดื่นไนยตา เห็นรูปบ้า ๆ มันเข้าทีอยู่บ้างแกล้ง ให้รางวัลให้แผลงเล่นเช่นนั้น แล้วพูดยกย่องสรรเสริญต่าง ๆ คราวนี้คนก็อยากได้รางวัลขึ้นมาเขียน ตาม ท่านผู้ตรวจรางวัลครั้นจะไม่ให้บ้างก็ดูจะไม่เปนช่างแท้สู้ตาคนที่แกเคยให้ไม่ได้ ต้องพยายามหา รูปบ้า ๆ ให้รางวัลบ้าง มันจึงเลยกระพือกันใหญ่ ช่างที่เกิดขึ้นใหม่ ๆ เขียนยังไม่ทันจะได้ดี ครั้นจะไปเรียน เขียนให้มันวิจิตรอย่างเก่าเขียนก็ไม่ไหว เรียนอย่างใหม่มันง่ายหัดสักหน่อยหนึ่งก็ออกได้ จึงได้เกิดขึ้นมาก รวดเร็วนัก คนที่ชั้นใหม่ ๆ อยากจะอวดว่าเปนช่าง ตาเปนนักเลงดูแต่อ้ายรูปพรรณอย่างนี้ชินตาหนักเข้า ก็จะเห็นงามไปได้จริง ๆ ข้อซึ่งเปนที่อุ่นใจนั้นอย่างเดียว เมื่อไม่มีใครแขวนเรือนก็มีแต่เขียนมาหลอก กรรมการเอารางวัล เมื่อขายไม่ได้หนักเข้าบางทีก็จะเลยจืดไปบ้าง บางแผ่นถึงกับน่าสงไสยว่าผู้เขียนได้ ตั้งใจมาล้อกรรมการ เปรสิเดนต์แลไวสเปรสิเดนต์ของเอกสหิบิเชนนี้ เปนพวกที่ชอบรัว ๆ เช่นนี้ ทั้งสองคน ชวนให้ดูเสมอ แกชี้รูปแผ่นหนึ่งซึ่งเปนอย่างเปรอะเปรอะ เช่นนี้บอกว่าเจ้าของตายเสียแล้ว พ่ออดไม่ได้หันมาพูดทางหนึ่งว่าไม่สู้น่าเสียดาย แกได้ยินเข้าออกฉุน ๆ เดินอ่อนใจเปล่าไม่เป็นที่น่าดูสัก แผ่นเดียว แต่ตุ๊กตาหล่อมีดี ๆ ได้กา ๆ ชื่อไว้แต่ไม่รู้ราคา เลยหมดเวลาเสียไม่ได้ถาม” (เมืองมันไฮม์ เยอรมนี ๕ มิถุนายน ๒๔๕๐) ด้วยพระปรีชาสามารถของล้นเกล้าล้นกระหม่อม ประสบการณ์ และการที่พระองค์มี พระราชนิยมทางศิลปะที่ลึกซึ้งและหลากหลาย โปรดการถ่ายภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งภาพถ่ายที่แปลกใหม่ และสร้างสรรค์ ย่อมท้าทายให้พระองค์จะตัดสินพระราชหฤทัยซื้อจิตรกรรมสมัยใหม่ แม้จะยังคงข้อง ในพระราชหฤทัยก็ตาม ท่ามกลางการที่พระองค์ทรงซื้อศิลปวัตถุที่มีคุณค่ามากมาย ดังตัวอย่างพระราช นิพนธ์บางตอนดังนี้ “มีเรื่องนักปราชญ์คิดเลขรางวัลรถอย่างหนึ่งซึ่งขันดีอยู่ควรจะเล่าในที่นี้ คือตั้งเอาแรงรถเปน ประมาณ คราวนี้รถไหนที่แรงมากต้องคิดหักทอนลงมาหารถที่มีก� ำลังน้อย คิดไปคิดมาลงปลาย รางวัลที่ ๑ ได้แก่อ้ายรถที่มาหลังที่สุด ซึ่งมีแรงม้าแต่ ๖ แรงม้า รถที่มีแรงมากตั้ง ๑๒๐ แรงม้าก็แพ้ จะว่าคิดผิด ก็ไม่ได้ คิดถูกโดยทางกระบวนเลขแต่ผลมันไพล่ไปออกเช่นนั้น เรื่องรางวัลรูป คงมีตาผู้ใดผู้หนึ่งแกคิด ขลุกขลักขึ้นมาให้รางวัลบ้า ๆ ก็เลยบ้ากันใหญ่ แต่เหรียญทองมันมากมันจึงไม่เกิดเหตุลุกลามเหมือน อย่างเช่นรถโมเตอคาร์ซึ่งแย่งกันเป็นที่ ๑ เลยตะกลามเหรียญทองกัน กระพือไปจนกระทั่งรูปเขียนเปน เช่นนี้” (เมืองมันไฮม์ เยอรมนี ๖ มิถุนายน ๒๔๕๐)
Made with FlippingBook
RkJQdWJsaXNoZXIy NTk0NjM=