ปี-39-ฉบับที่-3

อนุสาวรี ย์นั กโทษการเมื องที่ ไม่มี ใครรู้จั ก 72 The Journal of the Royal Institute of Thailand Vol. 39 No. 3 Jul-Sep 2014 ด้วยผลงานประติมากรรม ชื่อ “เริงระบ� ำ” (รูปที่ ๑๐) และ พ.ศ. ๒๔๙๖ ได้รับรางวัลเกียรตินิยมอันดับ ๒ เหรียญเงินในการแสดงศิลปกรรมแห่งชาติ ครั้งที่ ๔ ด้วยผลงานประติมากรรม ชื่อ “แม่กับลูก” (รูปที่ ๑๑) และได้รับการยกย่องให้เป็นศิลปินชั้นเยี่ยมสาขาประติมากรรม เมื่อ พ.ศ. ๒๔๙๖ ในปีเดียวกันนั้นก็ได้รับทุนของกระทรวงศึกษาธิการทุนของรัฐบาลอิตาลีไปศึกษาและดูงาน ในประเทศอิตาลี โดยเข้าศึกษาในสถาบันศิลปะของกรุงโรมเป็นเวลา ๒ ปี เมื่อจบการศึกษาแล้วได้ดูงาน ศิลปะในยุโรปด้วย พ.ศ. ๒๕๐๒ แต่งงานกับหม่อมราชวงศ์นารี มีธิดา ๒ คน พ.ศ. ๒๕๐๕ ด� ำรงต� ำแหน่ง หัวหน้าแผนกวิชาประติมากรรม คณะจิตรกรรม และประติมากรรม มหาวิทยาลัยศิลปากร พ.ศ. ๒๕๐๗ รักษาการในต� ำแหน่งคณบดีคณะจิตรกรรม และประติมากรรม มหาวิทยาลัยศิลปากร และได้ถึงแก่กรรม เมื่อ พ.ศ. ๒๕๑๔ ผลงานการสร้างสรรค์ของผู้ช่วยศาสตราจารย์เขียน ยิ้มศิริ มีลักษณะที่เป็นเอกลักษณ์โดดเด่น ที่มาของความบันดาลใจ อาศัยคุณค่าทางสุนทรียภาพที่อ่อนช้อยงดงามที่ได้มาจากศิลปะไทยตามแบบ ประเพณีนิยม ทั้งจากจิตรกรรมและประติมากรรม รูปแบบการสร้างสรรค์เป็นแบบอุดมคติ (idealistic) และเนื้อหาของผลงานก็น� ำมาจากดนตรีไทย ชีวิตไทยและการละเล่นของไทยเป็นหลัก โดยเฉพาะผล งานที่ชื่อ “ขลุ่ยทิพย์” (Musical Rhythm) เป็นผลงานที่โดดเด่นและมีชื่อเสียงที่สุดของท่าน เป็นผลงาน ที่แสดงเนื้อหาในทางนามธรรมโดยอาศัยรูปทรงที่เป็นรูปธรรมเป็นสื่อ สาระหลักของการแสดงออกคือ การใช้กิริยาอาการอันอ่อนไหวงดงามของรูปร่างกายมนุษย์ รวมทั้งมือ เท้า และเครื่องนุ่งห่ม ได้แสดงออก ถึงความพลิ้วไหวของเสียงขลุ่ยทิพย์ได้อย่างงดงาม รวมทั้งรูปแบบของความเป็นไทยที่ได้ช่วยสื่อเน้นความ ไพเราะงดงามของเพลงไทยให้มีความเป็นทิพย์ได้อย่างสมบูรณ์แบบ เมื่อ พ.ศ. ๒๔๙๖ ที่ท่านได้ไปศึกษาที่อิตาลีนั้น ท่านก็ได้ส่งผลงานเข้าร่วมการประกวดในการ ประกวดอนุสาวรีย์ “นักโทษการเมืองที่ไม่มีใครรู้จัก” นี้ด้วย (รูปที่ ๑๒) จะเห็นได้ว่าผลงานที่ท่านส่งเข้า ประกวดนั้นเป็นรูปแบบที่แตกต่างหรือเกือบจะตรงกันข้ามกับลักษณะที่เป็นเอกลักษณ์ของท่านโดยสิ้นเชิง คือ เป็นรูปทรงของมนุษย์ ๒ คน สื่อความหมายถึงความหลากหลาย เป็นรูปร่างของมนุษย์ที่มิได้เป็นรูป แบบตามธรรมชาติ มีลักษณะเป็นแท่งตรงกลมมน อยู่ในอิริยาบถคุกเข่า ล� ำตัวยืดตรง แขนและมือทั้งสอง ยื่นตรงไปด้านหน้า ท� ำให้เกิดการเคลื่อนไหวไปในทิศทางด้านหน้า ให้ความรู้สึกของการอ้อนวอน เรียกร้องให้เกิดความรู้สึกเข้าใจและเห็นใจ จากล� ำตัวลงมาถึงหัวเข่า มีการคว้านให้ลึกเข้าไปเพื่อให้เกิด ที่ว่างเว้าเข้าไปในรูปทรง ให้ความรู้สึก ๒ ส่วน ในส่วนรูปธรรมเพื่อสื่อความหมายของความเป็นขาสอง ข้างที่แสดงกิริยาอาการของการคุกเข่า แต่ในส่วนของนามธรรมให้ความรู้สึกถึงความอดอยากหิวโหย ทุกข์ทรมาน ใบหน้าท� ำให้เรียบมีสันจมูกอยู่ตรงกลางสื่อความไม่มีตัวตน เป็นมนุษย์นิรนาม แหงนหน้า ขึ้นเพื่อการเรียกร้องขอความเป็นธรรมต่อมวลมนุษยชาติ รูปแบบของการสร้างสรรค์ของผลงานนี้แสดง

RkJQdWJsaXNoZXIy NTk0NjM=