ปี-39-ฉบับที่-3
257 โชษิ ตา มณี ใส วารสารราชบัณฑิตยสถาน ปีที่ ๓๙ ฉบับที่ ๓ ก.ค.-ก.ย. ๒๕๕๗ จงอย่ากินก่อนสงฆ์ ซ�้ ำกินเสียหมด การกระท� ำนี้เป็นบาป เพราะผู้ถวายนั้นตั้งใจถวายภิกษุ สงฆ์ ผู้อื่นมากิน ตายไปตกนรก แล้วเกิดเป็นเปรตพุงโร ดังข้อความว่า โทษกินของสงฆ์ โทษขัดใจองค์ สงฆ์ผู้อาจารย์ จะไปอเวจี อรรคีเผาผลาญ แล้วไปธรมาน เปนเปรตพุงโร ปากเท่ารูเข็ม อาหารและเล็ม ไม่เต็มพุงโต บาพกินของสงฆ์ รูปทรงเน่าโน เปนเปรตเสดโซ ใครรู้เร่งจ� ำ การสอนโดยชี้ให้เห็นผลการกระท� ำ ผลที่เป็นคุณประโยชน์จะยกเรื่องได้รับกุศลผลบุญ ได้ วิชาเป็นพิเศษ มีกินไม่อด ได้รับการยอมรับจากสังคม เป็นที่พอใจของฝ่ายสาว ส่วนผลที่เป็นโทษจะยก เรื่องบาปกรรม ตายไปตกนรก เกิดเป็นเปรต เกิดเป็นคนรูปชั่วปากเหม็น ไม่มีพอกิน ถูกอาจารย์ลงโทษ ถูกบ้านเมืองลงโทษ ถูกต� ำหนิติเตียน ชาวบ้านรังเกียจเสื่อมศรัทธา ได้ชื่อว่าเป็นผู้ท� ำลายศาสนา ๓. สอนโดยท� ำให้เกิดความเข้าใจเชิงประจักษ์และน่าเชื่อถือด้วยการให้รายละเอียด การเปรียบ เทียบ และสาธกโดยหยิบยกนิทานธรรมมาอ้าง เป็นลักษณะเด่นประการหนึ่งของหนังสือสุภาษิตเรื่องนี้ การให้รายละเอียด ปรากฏในค� ำสอนเกือบทั้งหมด เป็นการอธิบายให้เข้าใจ มักหยิบยก พฤติกรรมต่าง ๆ มาแสดง เช่น เมื่อสอนให้เคารพภิกษุสามเณร ไม่แสดงกิริยาลบหลู่ ค� ำสอนให้รายละเอียด พฤติกรรมด้วยถ้อยค� ำที่ท� ำให้สร้างภาพในใจตามได้ไม่ยาก ดังนี้ ประการหนึ่งอย่าสามผลาม โลดแล่นคะนองลาม ล้อเลียนสงฆ์เถรเณรชี เห็นเจ้ากูชมว่ารูปดี อย่าท� ำแก่ตัวดี เข้าคั้นตกายเจ้ากู ฉวยผ้าฉุดกระชากลากถู หมิ่นประมาทพระผู้ เปนเจ้าให้ได้อับอาย ท� ำยักคิ้วหลิ่วตาท้าทาย กระโดดเต้นเล่นกาย ออกโขนออกหนังกลางชาน ทะลึ่งไล่เพื่อนตนลนลาญ พระสงฆ์เถรเณรจาน หนังสือและท� ำฉันใด วิ่งผ่านบมิได้เกรงใจ วิ่งกระเบียดเสียดไป บห่อนจะอ่อนโอนกาย ปะเจ้ากูเกรงครูปัทยาย บมิได้หยาบคาย ก็นิ่งระงับดับใจ ลางองค์สงฆ์เณรใจไฟ มุทะลุมือไวย ยกเหงาะก็โหงกโขกลง ลงร้องไห้ขัดใจเณรสงฆ์ ทรงกรรแสงเสียงหลง ให้อึงถึงองค์อาจารย์ ครั้นท่านไปไล่เลียงอาการ แส้งแกล้งพาโลพาล ใส่โทษที่ร้ายนานา แม้นใครท� ำเหมือนค� ำต� ำรา บมิได้เมตตา จะตีให้สาสมใจ ใครอย่าท� ำเช่นนี้ต่อไป เห็นเถรเณรสงฆ์ใด ให้ค� ำรบนบนอบย� ำเกรง
Made with FlippingBook
RkJQdWJsaXNoZXIy NTk0NjM=