ปี-39-ฉบับที่-3
219 ชลดา เรื องรั กษ์ลิ ขิ ต วารสารราชบัณฑิตยสถาน ปีที่ ๓๙ ฉบับที่ ๓ ก.ค.-ก.ย. ๒๕๕๗ เอาพระศพไปฝัง ณ สุสานส� ำหรับพระราชวงศ์ ก้าหลุจันตะหรากิรหนาไปทรงกันแสง ที่พระศพพระชนนีทุกวัน ไม่แต่งองค์ทรงเครื่องอย่างไร แม้แต่เกศาก็ไม่สางด้วยความ ทุกข์ร้อนเจ็บในพระทัย มะเดหวีสงสาร คอยปลอบโยนพระทัยอยู่เสมอ ทรงเอาพระทัย ใส่ดุจพระราชธิดาของพระองค์ พระนางลิกูก็ก� ำเริบใจ ยกตนเป็นใหญ่เพราะท้าวดาหา หลงใหล ระเด่นอาหยังก็ตั้งข่มระเด่นจันตะหรา ตั้งเกรี้ยวกราด สนมก� ำนัลก็เกรงกลัว ระย่อไปสิ้น ท่านลิกูก็ตั้งตนเป็นใหญ่ขึ้นทุกวัน ระเด่นจันตะหรากับมะเดหวี นาน ๆ จึงจะได้ เฝ้าท้าวดาหาสักครั้งหนึ่ง ฉากที่ ๑๐ ฉากเมืองกุรีปัน ตัวละครมีท้าวกุรีปัน กับประไหมสุหรีและมะเดหวี ดนตรีท� ำเพลง พอไฟสว่าง ดนตรีหยุด กุรีปัน: พี่สงสารจันตะหรากิรหนาจริง ๆ แม่ตายเป็นก� ำพร้าแต่เด็ก ๆ อีนางลิกู เมียน้อยมันฆ่าประไหมสุหรีเสียด้วยยาพิษ ใจมันร้ายมาก ... ตัวอย่างค� ำบรรยายระหว่างฉากที่เรียกว่า “ค� ำเล่า” อยู่ระหว่างฉากที่ ๓๔ กับ ๓๕ (เรื่องเดิม : ๘๑) เมื่อปันหยีออกจากเมืองมาแล้ว ก็เที่ยวเดินทางมะงุมมะงาหราไปทั่วผ่าน หมู่บ้านต� ำบลต่าง ๆ พร้อมทั้งบุษบาส่าหรีและบุษบาชูวิท พร้อมด้วยพี่เลี้ยง และไพร่พลของเมืองมัตตาหลันและดาหาที่ไปส่งเสด็จ เมื่อไปได้ครึ่งทาง ก็รับสั่งให้ ไพร่ พลของเมืองมัตตาหลันและดาหาบางส่ วนกลับคืนยัง บ้านเมืองของตน การเดินทางรอนแรมในกลางป่าด้วยความใกล้ชิดกันนี้เอง ในไม่ช้าบุษบาส่าหรีและบุษบาชูวิทก็ทราบความจริงว่าปันหยีมิสาหรัง นี้มิได้เป็นชายดังที่ตนเข้าใจ ที่แท้ก็เป็นสตรีเพศเช่นเดียวกับนางทั้งสองนาง ก็กราบบังคมทูลว่า ขอถวายตัวเป็นน้องและขอตามเสด็จพระพี่นางไปทุกหน ทุกแห่ง จนกระทั่งเดินทางมาจนถึงเชิงเขาลูกหนึ่ง ซึ่งมีธารน�้ ำไหลใสสะอาด ก็หยุดพักลงที่เชิงเขาวิริศมาหรา ซึ่งพระน้องนางองค์เล็กซึ่งเป็นพระเจ้า อาของจันตะหราทรงผนวชอยู่บนกุหนุงนี้
Made with FlippingBook
RkJQdWJsaXNoZXIy NTk0NjM=