วารสารปี-40-ฉบับที่-3-resize
259 ศาสตราจารย์ ดร.มนั ส สุวรรณ วารสารราชบัณฑิตยสภา ปีที่ ๔๐ ฉบับที่ ๓ ก.ค.-ก.ย. ๒๕๕๘ ข้อเขียนนี้ขอสรุปเชิงวิเคราะห์ว่า ความส� ำเร็จของบ้านสามขาในการพัฒนาชุมชนให้เข้มแข็ง เป็นเพราะปัจจัยส� ำคัญประการเดียวคือ “ส� ำนึกผู้น� ำ” (Leader’s conscience) ที่กล่าวเช่นนี้มิได้ หมายความว่าผู้เขียนอ่านและทบทวนข้อเขียนที่กล่าวอ้างถึงความส� ำเร็จของบ้านสามขาแล้วถือโอกาส อุปมานเอา แท้ที่จริงแล้วผู้เขียนมีประสบการณ์ตรงทั้งจากการศึกษาดูงาน การวิจัยสนาม และการพบปะ สนทนากับผู้ปกครองและคณะกรรมการหมู่บ้านต่อเนื่องมาโดยตลอดเป็นเวลาเกือบ ๒๐ ปี สิ่งที่สะท้อน จากประสบการณ์ดังกล่าวท� ำให้ผู้เขียนมีความรู้สึกว่าตัวเองมี “ความเขลา” (Ignorance) อยู่มากพอ สมควร ในมุมหนึ่งผู้คนอาจชื่นชมว่าเราเป็นนักวิชาการที่มีชื่อเสียงเพราะคุณวุฒิและต� ำแหน่งทางวิชาการ ในทางกลับกัน อีกมุมหนึ่งท� ำให้รู้ว่าสิ่งที่เรารู้สิ่งที่เราเข้าใจนั้น มันเป็นเพียงทฤษฎีที่อยู่ในต� ำรา ในบริบท ของความเป็นจริงในพื้นที่เฉพาะหลายกรณีไม่ได้เป็นไปตามที่ทฤษฎีได้กล่าวอ้างไว้เลย ผู้ปกครองบ้านสามขา โดยเฉพาะอย่างยิ่งพ่อหลวงจ� ำนงค์ จันทร์จอม ผู้มีคุณวุฒิทางการศึกษา อย่างเป็นทางการเพียงชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔ (ได้รับพระราชทานปริญญาปรัชญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ ของมหาวิทยาลัยราชภัฏล� ำปางเมื่อ พ.ศ. ๒๕๕๒) คือต้นแบบของบุคคลผู้มี “ส� ำนึกผู้น� ำ” และคือผู้ที่ เปลี่ยนวิถีชุมชนของบ้านสามขาจากวิกฤติให้กลายเป็นชุมชนที่มีการพัฒนาอย่างยั่งยืน “ส� ำนึกผู้น� ำ” ในที่นี้มีความหมายต่างไปจาก “ภาวะผู้น� ำ” (Leadership) ที่อ้างถึงกันในศาสตร์ ที่เกี่ยวข้องกับการบริหารและการจัดการ “ภาวะผู้น� ำ” อาจคิดและเข้าใจได้ว่าหมายถึงสภาพของการมี อ� ำนาจและบารมี แต่ “ส� ำนึกผู้น� ำ” หมายถึง ความรู้สึกรับผิดชอบในบทบาทหน้าที่ตามสถานภาพของ การเป็นผู้น� ำ ผู้ปกครองบ้านสามขาเป็นผู้ที่มีความรับผิดชอบอย่างเต็มเปี่ยมในฐานะผู้น� ำของชุมชน ผู้ปกครองบ้านสามขามี (๑) ความเป็นผู้น� ำคุณธรรมและจริยธรรมคือเป็นคนคิดดีและปฏิบัติดี (๒) ความเป็นผู้น� ำด้านจิตวิทยา สามารถพัฒนาให้ชุมชนเจริญก้าวหน้าได้โดยยึดหลัก “เข้าใจคน เข้าใจงาน” (๓) ความเป็นผู้น� ำเชิงสร้างสรรค์ ท� ำงานโดยไม่ต้องรอเงิน (๔) ความเป็นผู้น� ำเชิงธรรมาภิบาล ยึดหลัก ประชาธิปไตย โปร่งใส และตรวจสอบได้ (๕) ความเป็นผู้น� ำเชิงการศึกษา สามารถเรียนรู้และเลือกสิ่งดี มาใช้ประโยชน์กับชุมชน และ (๖) ความผู้น� ำเชิงการเปลี่ยนแปลง ไม่ปฏิเสธที่จะรับความช่วยเหลือจาก ภายนอก แต่จะดูความพร้อมของชุมชนและความเหมาะสมกับชุมชนก่อน การท� ำให้ประชาชนในชาติมีความอยู่ดีและกินดีเป็นกรอบนโยบายการพัฒนาประเทศ ที่ผู้มีหน้าที่รับผิดชอบต้องให้ความส� ำคัญมากเป็นพิเศษในการวางแผน ก� ำหนดกลยุทธ์ และน� ำสู่การปฏิบัติ ความพยายามในเรื่องดังกล่าวได้เกิดขึ้นแล้วในทุกยุคทุกสมัยของรัฐบาลที่เข้ามาบริหารประเทศ นโยบาย และกลยุทธ์หลายอย่างน� ำไปสู่ความส� ำเร็จในการพัฒนาให้คนอยู่ดีและกินดีมากขึ้น ในขณะที่อีกจ� ำนวนหนึ่ง ประสบกับความล้มเหลว การน� ำเอาบทเรียนแห่งความส� ำเร็จในการสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชนกรณี บ้านสามขาไปเป็นต้นแบบในการพัฒนาส� ำหรับชุมชนอื่น น่าจะท� ำให้ประชาชนคนไทยอย่างน้อยก็อีกส่วนหนึ่ง มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น เป็นสิ่งที่ท้าทายส� ำหรับผู้ที่มีหน้าที่รับผิดชอบ ไม่แน่ บทเรียนจากบ้านสามขา อาจเป็นแบบจ� ำลองที่เหมาะสมที่สุดส� ำหรับการพัฒนาชุมชนชนบทของประเทศไทยก็เป็นได้ใครจะรู้ !!!.
Made with FlippingBook
RkJQdWJsaXNoZXIy NTk0NjM=