วารสารปี-40-ฉบับที่-3-resize

195 ศาสตราจารย์กิ ตติ คุณ สุกั ญญา สุดบรรทั ด วารสารราชบัณฑิตยสภา ปีที่ ๔๐ ฉบับที่ ๓ ก.ค.-ก.ย. ๒๕๕๘ ความเชื่ออื่นได้อย่างไรโดยสันติ ท� ำให้วงล้อการสื่อสารเคลื่อนที่ไปโดยยังรักษาแกนหลักของพุทธศาสนา เอาไว้ได้ ดังเช่นที่เกิดขึ้นในสุวรรณภูมิแต่ครั้งโบราณ สงครามสยบเรื่องเล่า สยบกระบวนการสื่อสารพุทธศาสนา การปะทะระหว่างพุทธกับศาสนา อื่นเป็นเรื่องของต่างศรัทธาที่ไม่สามารถอยู่ร่วมแผ่นดินเดียวกันได้ส่งผลร้ายต่อพุทธศาสนาเป็นอย่างมาก มีการใช้ความรุนแรงและสงคราม การกวาดล้างชาวพุทธที่เป็นผู้ส่งและผู้รับสาร ฉีกทุบ เผาท� ำลายสาร ท� ำลายทุกช่องทางที่จะสื่อสาร เท่ากับเป็นการท� ำลายกระบวนการสื่อสารทั้งหมด ท� ำให้ไม่มีหนทางที่ จะแย่งชิงอ� ำนาจ แย่งชิงกระแสหลักในพื้นที่การปะทะสังสรรค์และแข่งขันได้อีกต่อไป ความสลับซับซ้อนในการเคลื่อนไปของพุทธศาสนาท� ำให้เห็นได้ว่าพระศาสนาไม่เคยเคลื่อนไปเป็น เส้นตรง แต่มีจุดที่ถูกกระทบ แล้วก็เกิดการแยกสาย แล้วก็อาจเคลื่อนมาบรรจบกันได้อีก เริ่มเป็นเช่นนี้ ตั้งแต่เมื่อใดไม่มีใครทราบ อาจจะตั้งแต่สมัยพุทธกาลก็เป็นได้ เนื่องจากเวไนยสัตว์ที่มีนิสัยแตกต่างกัน ย่อมได้รับฟังพระธรรมที่เหมาะสมกับตน การสดับตรับฟังแล้วท่องจ� ำตามที่ตนได้ยินอาจเป็นเหตุ ของความแตกต่างนั้น ๆ  จากการวิเคราะห์ข้างต้นนี้ท� ำให้สามารถมองเห็นภาพของคบเพลิงที่ถูกส่งทอดผ่านกระบวนการ สื่อสาร พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงเป็นคบเพลิงที่ถูกจุดขึ้นด้วยการตรัสรู้ธรรมของพระองค์แล้วถูกน� ำไป กล่าวขานเล่าต่อ เรื่องราวเหล่านี้มีจุดจับใจในตัวเอง มีการปรับแปลงหมุนเวียนเปลี่ยนไปให้ดูใหม่อยู่เสมอ หล่อเลี้ยงพระพุทธศาสนาต่อไปเรื่อย ๆ  เรื่องเล่าจึงเป็นประดุจกลไกที่ประคับประคองดวงประทีปให้เคลื่อนที่ไปผ่านกาลเวลาและสถานที่ ที่ใดก็ตามที่มีผู้รับฟังเรื่องเล่าด้วยศรัทธาที่นั้นก็จะมีการสร้างพยานหลักฐานไว้บนวัตถุหรือในจิตวิญญาณ ของคนคือการปฏิบัติตาม หรือการเล่าขานสืบทอดให้บุคคลอื่น สวดมนต์ อธิษฐาน ฯลฯ ผู้รับสาร เหล่านี้จึงเป็นเสมือนผู้รักษาคบเพลิงและเติมน�้ ำมันหล่อเลี้ยงกลไกเพื่อให้เดินทางต่อไปได้อย่างไม่มีที่ สิ้นสุดซึ่งเมื่อได้รับการส่งเสริมโดยพระราชาหรือผู้ปกครองแล้ว ก็ยิ่งเปล่งแสงสว่างโชติในดินแดนนั้น เป็นศาสนากระแสหลักของแผ่นดิน แต่เมื่อใดที่แผ่นดินขาดการส่งเสริม กระบวนการสื่อสารขาดตอนเพราะเหตุของการถูกท� ำลายด้วย วิธีการต่าง ๆ พุทธศาสนาก็อาจจะสูญสิ้นไปในดินแดนนั้น แต่หากยังพอมีประชาชนประกอบพิธีกรรมด้วย ศรัทธาพระพุทธศาสนาก็ยังอาจเดินทางต่อไปได้ในฐานะกระแสรอง รอวันที่จะกลับคืนมาใหม่ อดีตย่อมเป็นบทเรียนของปัจจุบัน ข้อเสนอแนะจากงานวิจัยนี้จึงมุ่งไปสู่การร่วมมือร่วมใจของ ทุกฝ่ายในการรักษากลไกการสื่อสารพระพุทธศาสนาแห่งช่วงเวลานี้ให้เคลื่อนไปอย่างราบรื่น ทั้งในระดับ ผู้ส่งสาร สื่อ สาร และผู้รับสาร ดูแลเรื่องเล่าในฐานะกลไกการขับเคลื่อนกระบวนการสื่อสาร ฟูมฟักให้เกิด อณูข่าวสารในอากาศ ล่องลอย และหมุนเวียน จนได้เข้าไปปลูกฝัง กล่อมเกลาจิตวิญญาณของชาวพุทธ

RkJQdWJsaXNoZXIy NTk0NjM=