วารสารปี-40-ฉบับที่-4-resize

สมศักดิ์ ด� ำรงค์เลิศ, วารีรมย์ พลรัตน, วิญญู ตัณฑะพานิชกุล, บุตรา บุญเลี้ยง 85 วารสารราชบัณฑิตยสภา ปีที่ ๔๐ ฉบับที่ ๔ ต.ค.-ธ.ค. ๒๕๕๘ ข. การเตรียมวัสดุเชิงประกอบ ผู้วิจัยได้เริ่มต้นท� ำงานกับสกรูแกนคู่ขนาดเล็กก่อน เป็นสกรูที่มีเส้นผ่านศูนย์กลาง ๑๘ มิลลิเมตร ยาว ๘๑๐ มิลลิเมตร (สัดส่วนความยาวต่อเส้นผ่านศูนย์กลางเท่ากับ ๔๕) เม็ดพอลิโพรพิลีนและท่อคาร์บอนนาโน หลายผนังถูกผสมในสกรูแบบสองแกนนี้ที่ความเร็ว ๑,๒๐๐ รอบต่อนาที สามารถผลิตวัสดุเชิงประกอบ ได้สูงสุด ๑๕ กิโลกรัมต่อชั่วโมง ปรับอุณหภูมิที่ ๑๙๐, ๒๐๐ และ ๒๑๐ องศาเซลเซียส ปรากฏผลการทดลอง ว่าไม่แตกต่างอย่างมีนัยส� ำคัญ จากนั้นจึงท� ำงานที่อุณหภูมิ ๒๐๐ องศาเซลเซียสตลอด ขั้นต่อมาได้ท� ำการทดลองกับสกรูแกนคู่ขนาดใหญ่ ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง ๓๒ มิลลิเมตร ยาว ๑,๒๘๐ มิลลิเมตร (สัดส่วนความยาวต่อเส้นผ่านศูนย์กลางเท่ากับ ๔๒) ความเร็ว ๘๘๕ รอบต่อนาที สามารถผลิตวัสดุเชิงประกอบได้ ๑๕๐ กิโลกรัมต่อชั่วโมง ที่อุณหภูมิ ๒๐๐ องศาเซลเซียส การขยายก� ำลัง การผลิตจากเครื่องขนาดเล็กมาเป็นเครื่องขนาดใหญ่เป็นไปตามแฟกเตอร์ในสมการที่ ๑ (Rauwendaal, 2001; Thümen, 2010) แฟกเตอร์ขยายก� ำลังการผลิต f Q = (D 2 /D 1 ) 2 (๑) โดยที่ D 1 = ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางสกรูขนาดเล็ก (มิลลิเมตร) D 2 = ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางสกรูขนาดใหญ่ (มิลลิเมตร) สมบัติของวัสดุเชิงประกอบที่ผลิตได้ ผู้วิจัยได้น� ำวัสดุเชิงประกอบที่ผลิตได้จากทั้งสกรูขนาดเล็กและขนาดใหญ่มาอัดลงในแผ่นแบบสี่เหลี่ยม ขนาดกว้าง ๑๐ มิลลิเมตร ยาว ๖๐ มิลลิเมตร หนา ๒ มิลลิเมตร ที่อุณหภูมิ ๒๓๐ องศาเซลเซียส แล้วเคลือบ แผ่นตัวอย่างที่ปลายทั้งสองด้วยเงินเพื่อให้กระแสไฟฟ้าจากขั้วไหลผ่านแผ่นตัวอย่างได้สะดวก เมื่อปล่อย กระแสไฟฟ้าแล้ววัดปริมาตรความต้านทานด้วยอุปกรณ์ที่ท� ำได้หลายหน้าที่ ซึ่งเรียกว่า Flute 117 กระแส ที่วัดได้น� ำไปค� ำนวณเป็นค่าปริมาตรความต้านทาน ดังสมการที่ ๒ ρ = (RWD)/L (๒) โดยที่ ρ = ปริมาตรความต้านทาน (โอห์ม-เซนติเมตร) R = ความต้านทาน (โอห์ม) W = ความกว้างของแผ่นตัวอย่าง (เซนติเมตร) D = ความหนาของแผ่นตัวอย่าง (เซนติเมตร) L = ความยาวของแผ่นตัวอย่าง (เซนติเมตร) ใช้แผ่นตัวอย่างจ� ำนวน ๖ แผ่น เมื่อวัดค่าได้แล้วน� ำมาค� ำนวณหาค่าเฉลี่ยโดยมีค่าเบี่ยงเบนน้อยกว่าร้อยละ ๕

RkJQdWJsaXNoZXIy NTk0NjM=