วารสารปี-40-ฉบับที่-4-resize
ปัญหาการเหลื่อมล�้ ำทางเศรษฐกิจกับการจัดเก็บภาษีมรดกในประเทศไทย 46 The Journal of the Royal Society of Thailand Volume 40 Number 4 Oct-Dec 2015 เป็นต้น ลักษณะของความไม่แน่นอนในการประเมินราคานั้นเป็นช่องโหว่ที่ท� ำให้เกิดการทุจริตของเจ้าหน้าที่ ได้โดยง่าย เป็นการไม่ยุติธรรมแก่ผู้เสียภาษีทุกคน และเป็นการขัดกับหลักการของระบบภาษีที่ดีด้วย ๓.๒.๒ ปัญหาเกี่ยวกับการเก็บภาษีการให้โดยเสน่หา การเก็บภาษีมรดกไม่ว่าจะเก็บในรูปแบบใดก็ตาม จะต้องมีการเก็บภาษี การให้โดยเสน่หาควบคู่กันไปด้วย แต่วิธีการเก็บภาษีการให้โดยเสน่หาก็มีปัญหาในการจัดเก็บมาก ถ้าหาก เงินทองหรือทรัพย์สินที่ให้นั้นไม่มีหลักฐาน ท� ำให้การจัดเก็บภาษีท� ำได้ยากมาก อย่างไรก็ตาม ในกรณีที่สามารถ ตรวจสอบการให้โดยเสน่หาได้นั้น การเก็บภาษีการให้โดยเสน่หามีวิธีการจัดเก็บได้ ๒ วิธีด้วยกัน ดังนี้ (๑) รวมภาษีการให้เข้ากับภาษีมรดก วิธีเก็บภาษีให้โดยเสน่หาที่ง่ายที่สุด ก็คือ ให้รวมเข้ากับภาษีมรดก กล่าวคือ จะก� ำหนดให้ทรัพย์สินต่าง ๆ ที่มีการยกให้โดยเสน่หาภายในระยะเวลา ที่ก� ำหนด จะต้องถูกรวบเข้ากับกองมรดกเพื่อประเมินภาษีมรดก ตัวอย่างเช่น ในประเทศไทยเคยก� ำหนด ให้ทรัพย์สินที่ยกให้ภายในระยะเวลาไม่เกินหนึ่งปีก่อนวันตายของผู้ให้ ทรัพย์สินนั้นจะต้องน� ำมาประเมิน ภาษีมรดกด้วย ส่วนในประเทศอังกฤษได้ก� ำหนดไว้ว่าทรัพย์สินที่ยกให้ ทรัพย์สินนั้นจะต้องน� ำมาเสียภาษีมรดก ด้วย (๒) รวมถึงการให้เข้ากับเงินภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา วิธีการเก็บภาษี การให้โดยเสน่หาอีกวิธีหนึ่งก็คือ ก� ำหนดให้ทรัพย์สินที่ได้รับมานั้นเสมือนหนึ่งรายได้ของผู้รับ และต้องรวบ เข้ากับรายได้ประจ� ำของผู้รับนั้น และจะถูกเก็บภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา อย่างไรก็ตาม การเก็บภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาในกรณีนี้จะต้องมีการก� ำหนด ลดหย่อนหรือการยกเว้นไว้ต่างหาก และจะต้องยอมให้ผู้เสียภาษีได้ในส่วนที่เกี่ยวกับการได้รับทรัพย์สินมา โดยการเสน่หาของผู้ให้ด้วยการผ่อนช� ำระภาษีเป็นงวด ๆ ภายในระยะที่ก� ำหนดไว้ นอกจากปัญหาเกี่ยวกับการเก็บภาษีการให้โดยเสน่หาตามที่ได้กล่าวมาแล้ว การเก็บภาษีมรดกก็ยังมีปัญหาเกี่ยวกับการยกเว้นการลดหย่อนภาษีและปัญหาอื่นๆ อีกมากมายซึ่งจะพิจารณา ได้จากตัวอย่างของภาษีมรดกที่เคยจัดเก็บในประเทศไทย ซึ่งจะกล่าวในหัวข้อต่อไป ๓.๓ พ.ร.บ. อากรมรดกและอากรการรับมรดก พ.ศ. ๒๔๗๖ ประเทศไทยภายหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราช มาเป็นการปกครองในระบอบประชาธิปไตยเมื่อวันที่ ๒๔ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๗๖ ก็ได้มีการเปลี่ยนแปลงกลไก ทางเศรษฐกิจอย่างส� ำคัญในประวัติศาสตร์ของชาติไทย คือได้มีการประกาศใช้ “พระราชบัญญัติอากรมฤดก และอากรการรับมฤดก พุทธศักราช ๒๔๗๖” เมื่อวันที่ ๒๓ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๗๗ ในสมัยที่นายพันเอก พระยาพหลพลพยุหเสนาเป็นนายกรัฐมนตรี 1 พระราชบัญญัติดังกล่าวได้เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ของคนไทย 1 ราชกิจจานุเบกษา, เล่มที่ ๕๑ พุทธศักราช ๒๔๗๗, หน้า ๓๑๒
Made with FlippingBook
RkJQdWJsaXNoZXIy NTk0NjM=