วารสารปี-40-ฉบับที่-4-resize
เกริกเกียรติ พิพัฒน์เสรีธรรม 45 วารสารราชบัณฑิตยสภา ปีที่ ๔๐ ฉบับที่ ๔ ต.ค.-ธ.ค. ๒๕๕๘ เพื่อที่จะป้องกันการหลบเลี่ยงภาษีและข้อบกพร่องของภาษีมรดก รัฐบาลก็จ� ำเป็นที่จะต้องมีภาษีประเภทอื่นเข้ามาช่วยเสริม คือการเก็บ “ภาษีการให้โดยเสน่หา” เพื่อป้องกัน การโอนโดยมีเจตนาที่จะหลบเลี่ยงภาษีมรดก กล่าวคือในการเปลี่ยนมือของทรัพย์สินแต่ละครั้งที่เป็นการ ให้โดยเสน่หาแล้ว จะต้องมีการเก็บภาษีจากการเปลี่ยนมือดังกล่าว แต่อย่างไรก็ตาม ในทางปฏิบัติที่บังคับใช้ “ภาษีการให้โดยเสน่หา” มีปัญหาต่างๆ มากมาย เช่น ในบางครั้งอาจจะพิสูจน์ไม่ได้ว่าในการโอนเปลี่ยนมือนั้น เป็นการให้โดยเสน่หาหรือเป็นการซื้อขายกัน เพื่อที่จะแก้ข้อบกพร่องดังกล่าวนี้ ภาษีที่จะเรียกเก็บก็ควรจะเก็บ เมื่อมีการโอนเปลี่ยนมือแต่ละครั้งโดยไม่มีข้อยกเว้น นอกจากนี้ การป้องกันการเปลี่ยนมือโดยใช้ “ภาษีการให้โดยเสน่หา” นั้น จะใช้ได้เฉพาะกรณีอสังหาริมทรัพย์และสังหาริมทรัพย์ที่ต้องมีหลักฐานในการเปลี่ยนมือเท่านั้น ส่วนสินทรัพย์ อย่างอื่นไม่สามารถที่จะบังคับใช้โดยง่าย ดังนั้น ในกรณีที่อัตราภาษีมรดกที่ก้าวหน้ามาก ๆ หรือเรียกเก็บ ในอัตราสูงแล้ว ประชาชนก็อาจจะหลบเลี่ยงภาษีด้วยการสะสมทรัพย์สมบัติในรูปที่สามารถหลบเลี่ยงภาษี ได้โดยง่าย เช่น อาจจะเก็บในรูปเพชรนิลจินดา ถ้าพิจารณาในลักษณะนี้แล้ว “ภาษีมรดก” และ “ภาษีการให้ โดยเสน่หา” ก็อาจจะเป็นการไม่ยุติธรรมแก่ผู้ที่ครอบครองทรัพย์สินในรูปอื่น ๆ และอาจจะเป็นผลเสียแก่ เศรษฐกิจได้ (๒) การหลบเลี่ยงเมื่อเจ้าของมรดกตาย ในขณะที่เจ้าของมรดกตายนั้น ทายาทและผู้ที่อยู่ใกล้ชิดก็อาจท� ำการขนย้ายและหลบซ่อนปิดบังทรัพย์สินที่ไม่ต้องการหลักฐานในการโอน เปลี่ยนมือได้ ในกรณีเช่นนี้จะเป็นการยากมากส� ำหรับเจ้าหน้าที่ที่จะติดตามหรือพิสูจน์ว่าทรัพย์สินนั้นเป็น ทรัพย์ที่อยู่ในกองมรดกนั้นหรือไม่ ปัญหาการหลบเลี่ยงภาษีนี้เป็นการก่อให้เกิดความไม่ยุติธรรมในหมู่ ผู้ที่ต้องเสียภาษี คือระหว่างผู้ที่ซื่อสัตย์หรือหลบเลี่ยงไม่ได้ กับผู้ที่หลบเลี่ยงภาษีได้ (ข) ข้อบกพร่องในการบริหาร นอกจากข้อบกพร่องที่เกิดจากการหลบเลี่ยง ภาษีตามที่ได้กล่าวไว้ข้างต้นแล้ว การปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ก็อาจเกิดข้อบกพร่องขึ้นได้ทั้งที่เป็นไปโดย ความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ หรือโดยเจตนาของเจ้าหน้าที่ก็ได้ ทั้งนี้ เพราะลักษณะของทรัพย์สินในกองมรดกนั้น ไม่สามารถที่จะก� ำหนดการประเมินราคาของทรัพย์สินแต่ละประเภทไว้ได้โดยแน่ชัด ดังนั้น กฎหมายจึงต้องให้อ� ำนาจ แก่เจ้าหน้าที่ในการวินิจฉัยเรื่องต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ปัญหาที่ส� ำคัญที่สุดคือ “ปัญหาเรื่องการตีราคา” ทรัพย์สิน บางประเภทอาจจะสามารถประเมินราคาได้โดยง่ายด้วยการอาศัยราคาตลาดที่ท� ำการซื้อขายทรัพย์สินนั้น อยู่เป็นประจ� ำ หรืออาศัยราคามาตรฐานที่ใช้เป็นเกณฑ์ในการจัดเก็บภาษีประเภทอื่น เช่น การประเมินราคา ของที่ดิน เป็นต้น แต่ทรัพย์สินบางอย่างไม่สามารถจะหาหลักเกณฑ์ที่แน่นอนในการประเมินราคาได้ เช่น วัตถุโบราณ ภาพเขียนและศิลปกรรมอื่น ๆ ดังนั้น ในการจัดเก็บภาษีมรดกจึงต้องพึ่งความซื่อสัตย์สุจริตและความรู้ ความสามารถของเจ้าหน้าที่เป็นส� ำคัญ เช่น ถ้าเจ้าหน้าที่ขาดความช� ำนาญในการประเมินราคาก็อาจจะ ท� ำการประเมินราคาไว้ต�่ ำเกินไปก็ท� ำให้เก็บภาษีได้น้อย แต่ถ้าประเมินไว้สูงเกินไปก็ไม่เป็นธรรมแก่ผู้เสียภาษี
Made with FlippingBook
RkJQdWJsaXNoZXIy NTk0NjM=