วารสารปี-40-ฉบับที่-4-resize

ทศพร วงศ์รัตน์ 191 วารสารราชบัณฑิตยสภา ปีที่ ๔๐ ฉบับที่ ๔ ต.ค.-ธ.ค. ๒๕๕๘ “พวกนายกองร้องว่าเหวยฝรั่ง อวดอหังการ์เกเรเดรฉาน เจ้านายมึงซึ่งเป็นโจรจัณฑาลพาล เที่ยวรุกรานร้ายกาจชั่วชาตินัก พระปิ่นเกล้าชาวพาราการะเวก ให้องค์เอกโอรสทรงยศศักดิ์ มาผลาญเหล่าเผ่ากออ้ายทรลักษณ์ ให้สิ้นพรรคพวกฝรั่งเกาะลังกา” “จับฝรั่งลังกาได้กว่าหมื่น ใช้ผ่าฟืนตักน�้ ำตามวิสัย คนสามพันบรรดาพวกข้าไท ส่งคืนไปพาราด้วยปรานีฯ ฝ่ายฝรั่งลังกาพวกล่าทัพ ต่างแตกยับแยกย้ายพลัดพรายหนี บุกรุกเรี้ยวเลี้ยวหลงในพงพี เข้าราตรีมิได้เห็นเขม้นมอง บ้างเดินโดนโคนตอยองย่อยอบ ลงฟุบหมอบมือนวดปวดขมอง บ้างบุกหนามความกลัวหนังหัวพอง ตุ๊กแกร้องล้มกลิ้งบ้างวิ่งโทง บ้างออกทุ่งมุ่งเมินเดินโก้งเก้ง เสื้อกางเกงก็ไม่มีเหมือนผีโป่ง บ้างล้าเลื่อยเหนื่อยบอบหิ้วหอบโครง ลงโก้งโค้งคลานตามหนีความตาย” กล่าวได้ว่า เรื่องของนักบวชชาวต่างประเทศ ที่ทยอยเข้าเมืองไทยมานาน ตั้งแต่สมัยสมเด็จ พระนารายณ์มหาราช และทวีจ� ำนวนยิ่งขึ้นโดยเฉพาะในสมัยของสุนทรภู่ เนื่องจากคนเหล่านี้มีการศึกษาดี คนไทยพูดถึงกัน จึงมีกล่าวถึงอยู่ในนิทานของสุนทรภู่ว่าเป็นผู้รู้ผู้วิเศษ เช่น ตอนที่ ๖๐ หลายคนจบการศึกษา เป็นนายแพทย์ มีวิถีชีวิต อีกทั้งวินัย รวมทั้งนโยบายที่ได้รับ และผ่านการรับรองจากส� ำนัก อาจเป็นในยุโรป หรือ ในสหรัฐอเมริกา ให้เดินทางมาตะวันออกพร้อมครอบครัวถ้ามี เพราะมีชีวิตที่อุทิศให้แก่การสอนศาสนา และการศึกษาเป็นเครื่องน� ำทาง ดังนั้น ตลอดนิทานพระอภัยมณี สุนทรภู่จึงเล่าถึงการเคลื่อนไหวของ คนพวกนี้ เริ่มตั้งแต่ “ฝรั่งสังฆราชพระบาทหลวง” จากตอนที่ ๒๖ ในเค้าผลการสอดส่อง เพ่งเล็งหลังการเข้ามา ของมิชชันนารีชื่อ กุตซลัฟฟ์ ได้ ๓ ปีกว่า หรือต่อมาเป็น “ปีโป” “บาทหลวง” “พระสังฆราช” ที่เริ่มมีกล่าว อยู่ใน ตอนที่ ๓๑ ซึ่งเป็นเพียง ๑๑ เดือน หลังจากการเข้ามาของบาทหลวงปาลเลอกัวซ์ (Jean Baptiste Pallegoix) ในวันที่ ๒๗ กุมภาพันธ์ ปีขาล พ.ศ. ๒๓๗๓ และคนอื่น ๆ ต่อมาอีก ยังมีกิจกรรมทางศาสนาของคนพวกนี้ ที่สุนทรภู่เอามาแต่งคละไว้เป็นนิทาน ในที่สุด ถึงตอนที่ ๔๑ สุนทรภู่ ในฐานะเป็นพระห่มเหลือง ก็ได้สร้างฉากให้ตัวเองเป็นฝ่ายตรงข้ามในร่างของทิศาปาโมกข์โลกเชษฐ์ สู้กันทางฝีปากของตัวเองในฐานะผู้แต่ง ดังค� ำกลอนใน ตอนที่ ๒๗, ๓๓, ๓๔ หน้า ๔๒๙, ๖๐๓, ๖๐๘, ๖๙๑ ตามล� ำดับ ว่า

RkJQdWJsaXNoZXIy NTk0NjM=