วารสารปี-40-ฉบับที่-4-resize

ทศพร วงศ์รัตน์ 171 วารสารราชบัณฑิตยสภา ปีที่ ๔๐ ฉบับที่ ๔ ต.ค.-ธ.ค. ๒๕๕๘ อนึ่ง ผู้เขียนขอแทรกไว้ ณ ที่นี้ว่า เริ่มจากการที่สุนทรภู่น่าจะมีส่วนร่วม อาจเป็นผู้จดค� ำแปล พงศาวดารจีนเรื่อง “ไซฮั่น” ในความอ� ำนวยการของกรมพระราชวังหลัง ก่อนเสด็จสวรรคต ค� ำว่า “ปี่แก้ว” โดยนัยหมายถึงปี่เตียวเหลียง ในเรื่องดังกล่าว จึงมีปรากฏน� ำมาใช้เรียกปี่ในนิทานพระอภัยมณีหลายครั้ง เช่น ตั้งแต่ในตอนที่ ๑๒ หรือ ๖๑, ๖๓ หน้า ๑๗๖, ๑๒๔๑, ๑๒๖๔ เป็นค� ำกลอน ว่า “ในคงคาปลาร้ายขึ้นว่ายเรียง ฟังส� ำเนียงปี่แก้วแว่วจับใจฯ” “แล้วขึ้นนั่งยังเก้าอี้เป่าปี่แก้ว วิเวกแจ้วส� ำเนียงส่งเสียงใส” “บ้างไขกลดนตรีเป่าปี่แก้ว ซอสีแจ้วจ� ำเรียงเสียงเสมอ” สุนทรภู่คงจะสวมเรื่องของปี่เตียวเหลียง เข้ากับประสบการณ์ที่ได้ยินเสียงปี่สกอต จากเรือฝรั่ง ในแม่น�้ ำเจ้าพระยาครั้งแล้วครั้งเล่า อย่างไรก็ตาม สุนทรภู่ก็เคยใช้ค� ำว่า “ปี่แก้ว” มาตั้งแต่ครั้งแต่ง “โคบุตร” เช่น ในตอนที่โคบุตรเล่นธารก็มีอยู่ว่า “ดังปี่แก้วแวววับจับพระทัย ส� ำราญใจลอยชมพนมวันฯ” แสดงว่าเมื่อ สุนทรภู่ไม่เคยได้ยินเสียงปี่เตียวเหลียง แต่น่าจะได้เคยได้ยินได้ฟังเสียงปี่สกอตมาก่อนนานแล้ว การที่ผู้เขียน เกิดความคิดว่า “ปี่แก้ว” ในนิทานน่าจะมีเค้าจากปี่สกอต เพราะยังมีความเชื่อแน่นอนจากที่รู้เห็นเป็นวิสัยของ ฝรั่งชาวสกอต หรืออังกฤษ ว่าจะมีเครื่องดนตรีชนิดนี้และอื่น ๆ ติดตัวไปในการเดินทางไกลห่างบ้านเมืองเกิด เพื่อใช้เป่าแสดงตัวตน และสร้างบรรยากาศให้พ้นจากความว้าเหว่แม้เพียงชั่วขณะ พฤติกรรมนี้ยังมีเป็นปรกติ จนถึงปัจจุบัน และเพราะมีค� ำกลางที่เรียก “ปี่แก้ว” สุนทรภู่จึงไม่ตั้งชื่อเรียกเป็นค� ำอื่น ประกอบกับฝรั่งอังกฤษ ที่เข้ามาเมืองไทยสมัยนั้นส่วนใหญ่ก็มีเชื้อสายสกอต พระอภัยเป็นคนไทยจึงเรียนเป่าปี่เช่นเรียนภาษา ในสมัยสุนทรภู่ อย่างน้อยก็ตั้งแต่ครั้งแต่ง “โคบุตร” ยามค�่ ำคืนในแม่น�้ ำเจ้าพระยาเขตกรุงเทพฯ คนไทยจึงต้องได้ยินเสียงปี่สกอตจากเรือฝรั่งพวกนี้กันเป็นปรกติ แม้ต่อมา เช่น เมื่อสุนทรภู่ออกเดินทาง ยามค�่ ำคืนไปแต่ง “โคลงนิราศสุพรรณ” ตั้งแต่ในเดือน ๓ ปีฉลู พ.ศ. ๒๓๘๔ ก็ได้บันทึกไว้ ว่า “๗ แซ่เสียงเวียงราชก้อง กังสดาน หง่งหงั่งระฆังขาน แข่งฆ้อง สังแตรแซ่เสียงประสาร สังขีด ดีดเอย ยามดึกครึกครื้นก้อง ปี่แก้วแจ้วเสียงฯ” อย่างที่กล่าวมาข้างต้นแล้วว่า ในบรรดาคนตะวันตกที่เข้าสู่เมืองไทย คนอังกฤษเป็นพวกที่พลุกพล่าน ที่สุด จึงเท่ากับช่วยยืนยันการได้ยินเสียงปี่สกอตครั้งแล้วครั้งเล่าของสุนทรภู่ ในยามค�่ ำคืนดังกล่าวได้อย่าง แน่นอน รวมทั้งครั้งก่อนนั้น เมื่อออกเดินทางเรือจากท่าน�้ ำวัดอรุณไปเพชรบุรี ครั้งบังสุกุลศพขุนแพ่ง (“นิราศ เมืองเพชร” , ๒๓๘๕ ; ทศพร วงศ์รัตน์, ๒๕๕๒) ในราวเดือนมกราคม ปีเถาะ พ.ศ. ๒๓๗๔ ก็ได้แต่งไว้ในนิทาน

RkJQdWJsaXNoZXIy NTk0NjM=