วารสารปี-40-ฉบับที่-4-resize
ทศพร วงศ์รัตน์ 163 วารสารราชบัณฑิตยสภา ปีที่ ๔๐ ฉบับที่ ๔ ต.ค.-ธ.ค. ๒๕๕๘ ในเรื่องนี้ สุนทรภู่ได้เอามาแต่งไว้ในนิทานหลายครั้ง เช่น ในตอนที่ ๒๖ หน้า ๔๐๓ ว่า “ด้วยไปถึงซึ่งจังหวัด กรุงรัตนา พระพาราผาสุกสนุกสบาย” และพระองค์ได้ทรงมุ่งท� ำนุบ� ำรุงบ้านเมืองทางด้านศิลปวัฒนธรรม ทรงโปรดให้นักปราชญ์ราชบัณฑิต ขุนนาง ข้าราชการ และกวี ซึ่งสุนทรภู่ก็อยู่ในขบวน ร่วมกันฟื้นฟู สร้างงานศิลป์ งานช่าง และวรรณกรรมให้รุ่งเรืองขึ้นใหม่ หลังการสูญเสียมากมายครั้งกรุงศรีอยุธยาล่มสลาย ที่ผ่านมาประมาณ ๔๐ ปีแล้ว สุนทรภู่จึงอวดอ้างชีวิตที่เป็นสุดปรารถนาในช่วงนี้ของตัวเองไว้ในผลงาน หลายเรื่อง จนถึงสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว แต่ก็ไม่ลดละความคิดว่า จะต้องทดแทน พระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย จนนักวิจารณ์จัดสุนทรภู่ว่าเป็นกวีในสมัย ของพระองค์ ทั้ง ๆ ที่ด้วยระยะเวลาที่ยาวกว่า สุนทรภู่ได้สร้างผลงานไว้มากกว่ามากในสมัยพระบาทสมเด็จ พระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่พระองค์ทรงเจริญรอยตามพระบรมราชชนกในการให้สุนทรภู่สร้างผลงานอย่างอิสระ หลักฐานในเรื่องความกตัญญูรู้คุณนี้ นอกจากที่มีอยู่ในงานประเภทนิราศ หรือเพลงยาวแล้ว สุนทรภู่ก็ยังกล่าวให้เห็นเป็นปรกติวิสัยไว้ในนิทาน เช่น ตอนที่ ๑๙, ๒๑, ๕๓ หน้า ๒๙๕, ๓๑๗, ๑๐๗๙ ตามล� ำดับ ว่า “อันรักษาศีลสัตย์กัตเวที ย่อมเป็นที่สรรเสริญเจริญคน ทรลักษณ์อกตัญญุตาเขา เทพเจ้าก็จะแช่งทุกแห่งหน ให้ทุกข์ร้อนงอนหง่อทรพล พระเวทมนตร์เสื่อมคลายท� ำลายยศ” “ไม่ลืมคุณทูลกระหม่อมถนอมจิต มิได้คิดโหยกเหยกอุเบกขา น้องนึกหวังดังสมเด็จพระบิดา ด้วยสัจจาจนชีวิตจะบรรลัย” “พระทรงฟังสั่งให้ท� ำค� ำประกาศ พวกนักปราชญ์เปรียบเหมือนเพชรทั้งเจ็ดสี ไม่มีทองรองรับเป็นเรือนมณี รัศมีไม่สว่างกระจ่างตา เหมือนคนดีมีครูซึ่งรู้รอบ ไม่ท� ำชอบช่วยกษัตริย์ขัดยศถา ต้องตกอับลับชื่อที่ลือชา ดังจินดาไร้เรือนก็เหมือนกัน” เมื่อประกอบกับบ้านเมืองที่ก� ำลังเริ่มเปลี่ยนแปลง ไปในทิศทางของการเปิดบ้านเปิดเมืองแก่ต่างประเทศ เหมือนระยะการเปลี่ยนผ่าน เริ่มตั้งแต่วันที่ ๕ กรกฎาคม ปีมะเมีย พ.ศ. ๒๓๕๓ พระบาทสมเด็จ พระพุทธเลิศหล้านภาลัยโปรดให้มีทูตเชิญพระราชสาส์นออกไปถึงพระเจ้าเกียเข้ง ณ กรุงปักกิ่ง ว่าทาง กรุงสยามเปลี่ยนรัชกาลใหม่ ขอเจริญทางราชไมตรีเช่นที่เคยมีมาแต่ก่อน ครั้งกรุงสุโขทัยเป็นราชธานี และ มีมาเนือง ๆ ต่อมาถึงในครั้งกรุงเก่า กรุงธนบุรี ตลอดจนถึงรัชกาลที่ ๑ เพราะไทยกับจีนมีการค้าขายกัน ทางทะเล จนจีนตั้งเป็นประเพณีให้เรือต่างประเทศไปค้าขายได้ถึงเมืองกึงตั๋ง ยกเว้นเมืองท่าอื่น ๆ ทุกเมือง เรื่องนี้สุนทรภู่น� ำไปกล่าวเป็นเค้าไว้ในนิทาน เช่น ตอนที่ ๒๖ หน้า ๔๐๔ ว่า
Made with FlippingBook
RkJQdWJsaXNoZXIy NTk0NjM=