วารสารปี-40-ฉบับที่-4-resize
ฝรั่งเหตุจูงใจสุนทรภู่แต่งนิทานพระอภัยมณีค� ำกลอน 162 The Journal of the Royal Society of Thailand Volume 40 Number 4 Oct-Dec 2015 เมื่อพระองค์กลับด่วนสวรรคตในปีขาล พ.ศ. ๒๓๔๙ ในปีถัดมา ขณะยังอยู่กับฝ่ายวังหลัง สุนทรภู่ก็ได้มีโอกาส แต่ง “นิราศเมืองแกลง” ก่อนได้แต่งงานกับนางจัน จากนั้น ในปีเดียวกันก็เป็น “นิราศพระบาท” และ พ้นจากวังหลัง แล้วชีวิตที่เร่ร่อนเข้าออกเมืองเพชรบุรี ด้วยพระอุปถัมภ์จากหม่อมบุนนาก พระชายาของ กรมพระราชวังหลัง อีกทั้งสมเด็จกรมพระราชวังบวรสถานมงคล มหาเสนานุรักษ์ หรือกรมพระราชวังหน้า ก็ผันมาสูงขึ้นอีก ด้วยการได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ตั้งแต่ ในปีชวด พ.ศ. ๒๓๕๙ จนต่อมา “เพราะเมามัวเมียลาวนางชาววัง ไปทูลขอพระองค์ทรงพระโกรธ” ดังมีกล่าวอยู่ใน “ก� ำเนิดพลายงาม” จึงได้รับโทษติดคุกจากพระองค์ ระหว่างปีเถาะถึงปีมะโรง พ.ศ. ๒๓๖๒ - ๒๓๖๓ แต่ความจริงแล้วน่าจะเพียงเป็นการถูกกักบริเวณ ดังมีกล่าวอยู่ ว่า “อนุญาตให้อยู่ทับในหับเผย” เมื่อมีพระประสงค์จะได้ทรงเรียกตัวได้ง่าย แล้วตอนนั้นและต่อมาในส่วนกับพระองค์โดยทางอ้อมก็ได้แต่ง “ก� ำเนิดพลายงาม” นิทาน “ลักษณวงศ์” และ “สวัสดิรักษาค� ำกลอน” ต่อด้วย “สิงหไกรภพ” ตามล� ำดับ เมื่อพิจารณาถึงความเกี่ยวโยงกันระหว่างเรื่อง เพื่อให้ได้ประวัติในอีกแง่มุมมองหนึ่ง ผู้เขียนได้พบ โดยเฉพาะใน “โคบุตร” กล่าวคือ มีค� ำส� ำคัญหลายค� ำที่สุนทรภู่เริ่มใช้ จนเป็นข้อสังเกตว่า ต่อมา ได้ปรากฏเอาไปใช้อีกในนิทานพระอภัยมณี เช่น ค� ำว่า “ยักขินีผีเสื้อน�้ ำ” ตอนโคบุตรรบหัศกัณฐที่มีหาง เป็นปลา “ปี่แก้ว” ในตอนโคบุตรเล่นธาร และโคบุตรเข้าหานางอ� ำพัน “เมืองฝรั่งชาวลังกา” และ “ต� ำหนัก จันทน์” ตอนโคบุตรเข้าหานางอ� ำพัน “สวนขวัญ” ตอนโคบุตรพานางอ� ำพันหนี “ผู้รู้วิเศษฌาน” ตอนโคบุตร ครองเมืองปราการบรรพต “ชีเปลือย” ตอนโคบุตรกริ้วนางอ� ำพัน จนกล่าวได้ว่านิทาน “โคบุตร” จากสมัย กรมพระราชวังหลัง รวมทั้ง “ลักษณวงศ์” ในสมัยรัชกาลที่ ๒ ที่มีเนื้อหาตอนจบและปีจบเหมือนเป็นต้นก� ำเนิด สายหนึ่งของนิทาน “พระอภัยมณีค� ำกลอน” อย่างน้อยก็เพราะเริ่มด้วยการแต่งโดยคนเดียวกัน จึงคล้ายกับ เป็นการต่อเนื่องของเรื่องเดียวกัน ที่แต่งจากเรื่องของตัวเองที่ได้รู้เห็น หรือมีประสบการณ์ในแต่ละช่วงของชีวิต กับคนที่รู้จัก ถึงระดับเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดิน สุนทรภู่คงจะต้องมีความรู้สึกว่า ตนมีความผิดที่เหมือนจะท� ำตัวหลงลืมในสิ่งที่ตัวเอง และบิดามารดา เคยได้รับ เป็นพระมหากรุณาธิคุณชุบเลี้ยงดูจากกรมพระราชวังหลัง และตนเองก็เคยตั้งมั่นไว้ว่า จะต้อง บวชถวาย จนเวลาล่วงเลย เพราะมัวหลงระเริงกับงานเป็นกวีที่ทรงปรึกษา ของพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้า นภาลัย และความอิ่มเอิบในที่พักเป็นบ้านตึกพร้อมข้ารับใช้ในพระราชวังหลวง อีกทั้งอาจจะเพราะชีวิต ที่ก� ำลังราบรื่นลื่นไหล ได้รับความเพลิดเพลิน ดังมีกล่าวตามวิสัยของตัวเองอยู่ใน “ร� ำพันพิลาป” ว่า “ศัตรู เงียบเรียบร้อยจะลอยชาย ไปเชยสายสุดสวาทไม่ขาดวันฯ” เนื่องจากเป็นระยะที่บ้านเมืองก� ำลังมีความเป็น ปรกติสุข ปลอดการศึกสงครามกับประเทศเพื่อนบ้านที่มีมาก่อนตอนต้นรัชกาล แต่ด้วยพระปรีชาสามารถของ พระองค์ ที่ทรงพยายามระงับข้อขัดแย้งต่าง ๆ ท� ำให้ปัญหาต่าง ๆ ที่เคยมีมาสงบลงโดยสันติ ข้อสังเกต
Made with FlippingBook
RkJQdWJsaXNoZXIy NTk0NjM=