วารสารปี-40-ฉบับที่-4-resize
ทศพร วงศ์รัตน์ 159 วารสารราชบัณฑิตยสภา ปีที่ ๔๐ ฉบับที่ ๔ ต.ค.-ธ.ค. ๒๕๕๘ “เห็นโฉมยงองค์ละเวงวัณฬาราช สถิตอาสน์อ� ำไพวิไลโฉม ดังดวงเดือนเคลื่อนคล้อยลอยโพยม งามประโลมลืมองค์หลงตะลึง เหมือนรูปร่างช่างเขียนไม่เพี้ยนผิด ทศทิศธาตรีไม่มีถึง ล� ำพระกรอ่อนละม่อมเหมือนกล่อมกลึง นิ้วดังหนึ่งล� ำเทียนเจียนประจง พระโอษฐ์นางอย่างสีลิ้นจี่จิ้ม ดูเหมือนอิ่มอกใจให้ไหลหลง เพลินอารมณ์ชมรูปจนงูบลง กลับรู้องค์อายใจอาลัยลาน” (จาก “พระอภัยมณีค� ำกลอน” ตอนที่ ๒๗ หน้า ๔๓๘) รูปที่ ๔ ภาพวาดราชินีวิกตอเรีย ขณะมีพระชนมายุ ๑๘ พรรษา ที่พระยาไทรบุรีน� ำทูลเกล้าฯ ถวายรัชกาลที่ ๓ เมื่อปีระกา พ.ศ. ๒๓๘๐ ในร่างของละเวงวัณฬา ลูกสาวเจ้าลังกา เช่นเดียวกัน สุนทรภู่ได้ชม พระสิริโฉมของเจ้าฟ้ากุลฑลทิพยวดีครั้งเสด็จไปพบสุนทรภู่ที่วัดเลียบ (นิทานตอนที่ ๒๗ หน้า ๔๒๘) เพื่อทรงมอบงานถวายพระอักษรแก่เจ้าฟ้ากลางและเจ้าฟ้าปิ๋ว ไว้ว่า ส� ำหรับนางละเวงวัณฬา ซึ่งเล่นบทของผู้หญิงหลายคน เช่น ในตอนที่ ๔๒ หน้า ๘๒๑ “ฝ่ายลูกสาว เจ้าลังกาเวลาอรุณ” คือตั้งแต่เจ้าหญิงวิกตอเรียแห่งอังกฤษและไอร์แลนด์ อาณาจักรที่ปกครองอินเดีย มาตั้งแต่ พ.ศ. ๒๓๑๖ และลังกาตั้งแต่ พ.ศ. ๒๓๕๘ หนึ่งในตัวละครชื่อนี้ก็เป็นภาพของนางงิ้ว ที่เป็นภรรยา คนที่ ๓ ส่วนที่เป็นร่างซ้อนของพระอภัยมณี คือ ศรีสุวรรณ ก็ให้เล่นบทซ้อนเช่นเดียวกันกับร่างของนางเกษรา นางศรีสุดา อีกทั้งนางร� ำภาสะหรี ตามล� ำดับ ซึ่งทั้ง ๓ คู่ซ้อนนางตัวละครก็คือภรรยาทั้ง ๓ คนแรกของ สุนทรภู่นั่นเอง ส� ำหรับคนที่ ๔ คือ นางม่วงที่มีบุตรด้วยกันชื่อนิล สุนทรภู่แต่งแทรกฝากซ้อนไว้อีกในร่างของ นางศรีสุดา และมีบุตรชื่อพระกฤษณา (ตอนที่ ๕๕ หน้า ๑๑๓๑) ส่วนนางสุวรรณมาลีก็ให้เล่นบทของผู้หญิง ที่เป็นบุคคลจริงมากมายไม่แพ้นางละเวง ซึ่งเป็นคู่กรณีกันในนิทาน โดยเฉพาะในภาพจริงระหว่างสมเด็จ พระศรีสุลาลัยกับสมเด็จพระศรีสุริเยนทรา บรมราชินี การล้อเลียนบุคคลระดับสูงเป็นนิทานได้เช่นนี้โดย สุนทรภู่ จึงเป็นเรื่องที่น่าศึกษาเป็นอย่างยิ่ง เพราะดูเหมือนจะมีผู้ที่ทรงศักดิ์ล่วงรู้มาโดยตลอด แต่ก็ทรงวางเฉย การสร้างตัวละครชื่อหนึ่ง จากเมืองหนึ่ง มีเค้าเป็นบุคคลจริงให้รับบท หรือเป็นฉากจริงได้ ดังนั้น เมื่อสุนทรภู่แต่งบทรักหรือบทอัศจรรย์ หลายครั้งก็แต่งบทนี้ของคู่พระคู่นางขึ้นสวมกับ หรือจากเหตุการณ์ แผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นจริง ท� ำให้บทรักหรือบทอัศจรรย์ในนิทานเป็นเรื่องเอิกเกริก ชวนให้อ่าน สุนทรภู่เอง ก็คงจะพอใจ จึงจับคู่ตัวละครแต่งไว้มากมายในหลายบทหลายตอนจนจบนิทาน ด้วยความคิดดังกล่าว เมื่อได้มีโอกาสแต่ง เช่น “นิราศวัดเจ้าฟ้า” “นิราศพระแท่นดงรัง” ส� ำนวนปีวอก พ.ศ. ๒๓๗๙ ตามล� ำดับ จึงได้กล่าวชี้แจงถึงวิธีการสร้างฉากสร้างเรื่อง โดยพาดพิง หรือเปิดเผยไว้ให้รู้กันทั่วไป เช่น
Made with FlippingBook
RkJQdWJsaXNoZXIy NTk0NjM=