วารสารปี-40-ฉบับที่-4-resize
การช่วยเหลือผู้แสวงหาที่ลี้ภัยซึ่งประสบภัยในทะเล 6 The Journal of the Royal Society of Thailand Volume 40 Number 4 Oct-Dec 2015 อนุสัญญาระหว่างประเทศ ค.ศ. ๑๙๗๙ ว่าด้วยการค้นหาและช่วยชีวิตทางทะเล (International Convention on Maritime Search and Rescue) อนุสัญญาฉบับนี้ถูกจัดท� ำขึ้นภายใต้การอุปถัมภ์ขององค์การที่ปรึกษาทางทะเล ระหว่างรัฐบาลซึ่งต่อมาได้เปลี่ยนชื่อเป็นองค์การทางทะเลระหว่างประเทศ (International Maritime Organization) ซึ่งเป็นหนึ่งในทบวงการช� ำนัญพิเศษขององค์การสหประชาชาติที่ตั้งขึ้นเพื่อเสริมสร้าง ความร่วมมือระหว่างรัฐสมาชิกในการก� ำหนดมาตรฐานและแนวปฏิบัติเพื่อความปลอดภัยในการเดินเรือ และการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมทางทะเลและเป็นกลไกในการสร้างความร่วมมือทางวิชาการระหว่างสมาชิก 15 อนุสัญญาเริ่มมีผลใช้บังคับเมื่อวันที่ ๒๒ มิถุนายน ค.ศ. ๑๙๘๕ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อประกันว่าผู้ประสบภัย จะได้รับความช่วยเหลือ ไม่ว่าภัยทางทะเลจะเกิดขึ้น ณ ที่ใดก็ตาม โดยอาศัยการประสานงานกันระหว่างองค์กร ค้นหาและช่วยเหลือกู้ภัย อนุสัญญาได้จัดระบบการค้นหาและช่วยเหลือระหว่างประเทศขึ้นเป็นครั้งแรก และยังสร้างความชัดเจนให้กับหลักเกณฑ์เรื่องการให้ความช่วยชีวิต ตลอดจนหน้าที่ในการให้ความช่วยเหลือ โดยมิค� ำนึงถึงสัญชาติ สถานะของบุคคล หรือบริบทที่พบบุคคลนั้น นอกจากนี้เมื่อ ค.ศ. ๒๐๐๔ ยังได้มีการ เพิ่มเติมบทบัญญัติเกี่ยวกับการประสานงานระหว่างรัฐต่างๆ เพื่อช่วยให้นายเรือที่ให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย ได้หลุดพ้นจากหน้าที่ดังกล่าวโดยกระทบเส้นทางเดินเรือเดิมน้อยที่สุด และท� ำให้ผู้ประสบภัยได้ขึ้นฝั่งและ เดินทางไปสู่สถานที่ปลอดภัยเร็วที่สุดที่จะกระท� ำได้ในทางปฏิบัติ อนุสัญญาสหประชาชาติ ค.ศ. ๑๙๘๒ ว่าด้วยกฎหมายทะเล (United Nations Convention on the Law of the Sea) อนุสัญญาฉบับนี้เป็นผลจากการท� ำประมวลกฎหมายจารีตประเพณีระหว่างประเทศ ให้เป็นลายลักษณ์อักษรและเริ่มมีผลใช้บังคับเมื่อวันที่ ๑๖ พฤศจิกายน ค.ศ. ๑๙๙๔ อนุสัญญาได้ยืนยัน หลักการซึ่งรวบรวมจากสนธิสัญญาฉบับต่าง ๆ ก่อนหน้านี้ ในเรื่องหน้าที่ในการให้ความช่วยเหลือดังเช่น ที่ระบุไว้ในอนุสัญญา ค.ศ. ๑๙๕๘ โดยข้อ ๙๘ ระบุว่าให้รัฐทุกรัฐก� ำหนดให้นายเรือของเรือซึ่งชักธงของตน ให้ความช่วยเหลือ และเพิ่มเติมอีกว่าให้ช่วยเหลือลูกเรือและผู้โดยสารในเรือ กรณีเรือโดน(ชน)กัน และ ให้แจ้งให้เรือที่เกี่ยวข้องทราบชื่อเรือ เมืองที่จดทะเบียนเรือของตนและเมืองท่าที่ใกล้ที่สุดซึ่งเรือจะแวะ ซึ่งเป็นการยืนยันกฎเกณฑ์ตามข้อ ๑๑ ของอนุสัญญา ค.ศ. ๑๙๑๐ รวมทั้งข้อ ๘ ของอนุสัญญาเรื่องเรือโดนกัน และบทที่ ๕ ของภาคผนวกของอนุสัญญา ค.ศ. ๑๙๗๔ 16 ส่วนที่เพิ่มเติมคือหน้าที่ของรัฐชายฝั่งในการส่งเสริม 15 International Maritime Organization, “International Convention on Maritime Search and Rescue (SAR)”, accessed 5 October 2013 16 International Law Commission, “Articles concerning the law of the sea with commentaries”, Text adopted by the International Law Commission at its 8 th session (1956)
Made with FlippingBook
RkJQdWJsaXNoZXIy NTk0NjM=