วารสารราชบัณฑิตยสภาปี-43-ฉบับ-1

วารสารราชบัณฑิตยสภา ปีที่ ๔๓ ฉบับที่ ๑ ม.ค.-เม.ย. ๖๑ ๓๖ การสื่อสารความนัยกรณีนี้ประสบความสาเร็จ พระสมุทรโฆษซึ่งปลอมตนเป็นพราหมณ์ กาลังติดตามหานางพินทุมดีเช่นกันได้เข้ามารับทักษิณาทานที่ศาลาแล้วชมภาพจิตรกรรมดังกล่าวก็ “ กาสรดร่ารัญจวนครวญ ” ครั้นสร่างโศกก็สรวลสันต์เรียกหานาง เมื่อไม่พบก็กลับโศกศัลย์คร่า ครวญอีก จริตวิกลดังกล่าวทาให้มีผู้ไปแจ้งนางพินทุมดี ทั้งสองจึงได้พบกัน ใน พระนลคาหลวง พระราชนิพนธ์พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว และ พระนล คาฉันท์ พระนิพนธ์พระราชวรวงศ์เธอ กรมหมื่นพิทยาลงกรณ ซึ่งมีเนื้อเรื่องตรงกัน (แปลมาจาก นโลปาขยานัม ซึ่งเซอร์โมเนียร์ โมเนียร์ วิลเลียมส์แปลความจากโศลกสันสกฤตเป็นภาษาอังกฤษ เหมือนกัน) ปรากฏการสื่อสารความนัย ๒ ครั้ง ครั้งแรกตอนที่นางทมยันตีให้คณะพราหมณ์ติดตาม หาพระนลโดยการไปขับเพลงในที่ชุมชนต่าง ๆ ครั้งที่สองตอนที่นางทมยันตีให้นางกานัลเกศินีไปสืบ ความเรื่องพระนลจากวาหุกที่ติดตามท้าวฤตุบรรณมา บทขับขานนั้นมีความว่า โอ้นักสกาของข้าเอ๋ย กระไรเลยดันด้นไปหนไหน แบ่งเอาผ้า ข้าคลุมแล้วดุ่มไป ช่างกระไรไม่คิดเมตตากัน ช่างทอดทิงเมียขวัญ อันสวาท ให้อนาถนอนร้างกลางไพรสัณฑ์ เมียซื่อตรงจงรักภักดีครัน นั่งคอยผัวอยู่นันเช่นสั่งไว้ แสนฟูมฟกอกผ่าวราวไฟผลาญ ให้ร้อน ราญทรวงเริงเหมือนเพลิงไหม้ ห่มแต่ผ้ากึ่งผืนนันยืนไว้ พอจะได้ต่าง หน้าสวามี โอ้วีระบุรุษมกุฎเกศ จงสมเพชภรรยามารศรี ผู้โศกเศร้า ทุกทิวาราตรี เชิญบดีมาปลอบประโลมนาง (http://vajirayana.org/พระนลคำหลวง/ สรรคที่ ๑๗) โอ้โอ๋นักเลง ลืมคาพร่าเพรง เล่นเบียเสียเมือง เริศร้างกลางไพร ห่อนไฝ่ชาเลือง ว้าวุ่นขุ่นเคือง คับแค้นแสนใจ ทิงเมียกลางป่า ทรายไวยศัยยา ตัดผ้าพาไป สงสารกานดา นาตาหลั่งไหล อ้างว้างกลางไพร กลัวพิษนานา นุ่งผ้าครึ่งผืน จาบัลย์วันคืน สอืนโศกา เดิรเปลี่ยวเดียวปลง จิตม่งมองหา ห่อนพบภรรดา เปือกฝุ่นขุ่นเคือง โอ้โอ๋นักเลง ลืมคาพร่าเพรง เล่นเบียเสียเมือง ทิงเมียเสียได้ ห่อนไผ่ชาเลือง เคยกล่าวเนืองเนือง ให้สัตย์แก่นาง ว่าตราบม้วยมรณ์ หมายออมสมร ฤๅห่อนอางขนาง บัดนีหนีไป อยู่ไหนอย่าพราง น้องน้อยคอยกลาง ดงเดือดอาดูร เม็ตตานางน้อง ชอกชาร่าร้อง ราวในไฟกูณฑ์ หมองมัวผัวร้าง ทุกข์นางร้อยคูณ คืนคากาลูน ปลดทุกข์ประเทือง

RkJQdWJsaXNoZXIy NTk0NjM=