วารสารราชบัณฑิตยสภาปี-43-ฉบับ-1
วารสารราชบัณฑิตยสภา ปีที่ ๔๓ ฉบับที่ ๑ ม.ค.-เม.ย. ๖๑ ๑๐๑ สามารถติดต่อสื่อสารกับญาติมิตรที่อยู่ในชุมชนเดียวกันหรืออยู่ต่างเมืองได้สะดวก ทาให้มีโอกาส แลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารและไม่ถูกโดดเดี่ยวอยู่ภายในบ้านอีกต่อไป นอกจากนี้ ความเจริญรุ่งเรืองของธุรกิจยังเปิดโอกาสให้สตรีทางานนอกบ้าน และมีบทบาทรับผิดชอบด้านเศรษฐกิจของครอบครัวมากขึ้น ในช่วงก่อนสงครามกลางเมืองมีสตรี บางส่วนทางานเป็นกรรมกรในโรงงานอุตสาหกรรมทอผ้าในเขตมลรัฐแมสซาชูเซตส์ แต่ก็ถือว่าเป็น ส่วนน้อยเมื่อเทียบกับจานวนสตรีทั่วประเทศ ต่อมาเมื่อธุรกิจตามเมืองต่าง ๆ เติบโตมากขึ้น สตรี จึงมีโอกาสทางานนอกบ้านและพบปะผู้คนในสังคมมากขึ้น ธุรกิจที่นิยมจ้างสตรีคือตาแหน่ง พนักงาน เช่น พนักงานรับโทรศัพท์ พนักงานบัญชี พนักงานพิมพ์ดีด พนักงานขายสินค้าใน ห้างสรรพสินค้า ตาแหน่งเหล่านี้มักจ้างสตรีที่จบการศึกษาระดับมัธยมปลายหรือวิทยาลัย ประสบการณ์จากการทางานนอกบ้านของสตรีระดับชนชั้นกลางส่งผลให้ทัศนคติเกี่ยวกับการครอง เรือนเปลี่ยนไป เช่น การพึ่งตนเอง การเลือกคู่ครอง มีการคุมกาเนิด มีสถิติการหย่าร้างสูงขึ้น อนึ่ง การเติบโตอย่างรวดเร็วของอุตสาหกรรมต่าง ๆ ก็ทาให้มีการจ้างแรงงานสตรีและเด็กเป็นจานวน มาก สตรีที่อาศัยอยู่ในเขตเมืองและมีฐานะยากจนจึงมักเข้าสู่อาชีพผู้ใช้แรงงานประเภทไร้ฝีมือ ซึ่ง ต้องทางานหนัก สกปรก และถูกกดขี่ค่าจ้าง นอกจากสตรีเหล่านี้แล้วยังมีผู้อพยพใหม่ที่เป็นสตรี อีกจานวนมากที่ต้องทางานเป็นกรรมกรในโรงงานอุตสาหกรรม ๑.๓ ชนชั้นผู้ดีใหม่ ก่อนสงครามกลางเมืองอเมริกามีเศรษฐีที่ร่ารวยจากการค้าและ มีเงินนับล้านดอลลาร์ในสหรัฐเมริกาไม่ถึง ๑๐ คน แต่เมื่ออุตสาหกรรมและธุรกิจเจริญรุ่งเรืองมาก สังคมอเมริกันมีมหาเศรษฐีซึ่งมีเงินนับร้อยล้านดอลลาร์มากกว่า ๔,๐๐๐ คน ใน ค.ศ. ๑๘๙๒ บุคคลเหล่านี้ได้ชื่อว่าเป็น “เศรษฐีใหม่” ซึ่งร่ารวยจากการลงทุนและแสวงหาความมั่งคั่งด้วย วิธีการต่าง ๆ โดยไม่ต้องคานึงถึงศีลธรรม พวกเขาก็ใช้ชีวิตอย่างหรูหราอยู่ในแวดวงของตนที่ เรียกว่า “กลุ่มชนชั้นผู้ดี“ และประพฤติตนเช่นเดียวกับมหาเศรษฐีในยุโรป เช่น นิยมแสดงความ ร่ารวยมั่งคั่งของตนด้วยการสร้างคฤหาสน์และบ้านพักตากอากาศราคาแพงที่ตกแต่งอย่างสวยงาม เหมือนกับพระราชวังในยุโรป นิยมซื้อเรือสาราญ เครื่องประดับราคาแพงลิบลิ่ว สะสมงานศิลปะ ราคาแพง จัดงานเลี้ยงที่หรูหราและสิ้นเปลือง ส่วนแขกที่มาร่วมงานซึ่งเป็นกลุ่มคนในสังคมระดับ เดียวกันก็แข่งขันกันแต่งกายด้วยเสื้อผ้าและเครื่องประดับราคาแพงที่แสดงสถานะทางสังคมใน กลุ่มชนชั้นของตน ทาให้ช่องว่างทางสังคมระหว่างคนร่ารวยส่วนน้อยกับคนส่วนใหญ่ที่ยากจน โดยเฉพาะชนชั้นแรงงานนั้นห่างไกลกันมาก ๒. การขยายตัวของประชากร การขยายตัวของอุตสาหกรรมส่งผลให้มีความต้องการแรงงานสูง สหรัฐอเมริกาจึง เปิดรับผู้อพยพจากต่างประเทศจานวนมาก เฉพาะในทศวรรษ ๑๘๘๐ มีผู้อพยพรุ่นใหม่มากกว่า ๕ ล้านคน ซึ่งเป็นจานวนสูงสุดในช่วงครึ่งหลังของคริสต์ศตวรรษที่ ๑๙ และทาให้จานวนประชากร ขยายตัว โดยเฉพาะประชากรในเมืองใหญ่ ใน ค.ศ. ๑๘๘๐ จานวนประชากรในเมืองใหญ่ มีอยู่
Made with FlippingBook
RkJQdWJsaXNoZXIy NTk0NjM=